พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลูกจ้างลักทรัพย์นายจ้าง: น้ำมันที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลยังเป็นทรัพย์สินของนายจ้าง การกระทำหลายครั้งถือเป็นหลายกรรม
จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างของกรมชลประทาน ได้รับคำสั่งให้ไปควบคุมเครื่องดันน้ำโดยกรมชลประทานส่งน้ำมันที่ใช้กับเครื่องดันน้ำให้ และมีเจ้าหน้าที่ไปควบคุมดูแลการปฏิบัติงานและตรวจสอบการใช้น้ำมันทุกวันน้ำมันดังกล่าวยังอยู่ในความครอบครองของกรมชลประทาน เมื่อจำเลยทั้งสองเอาน้ำมันไปขายจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่4/2530)
จำเลยร่วมกันลักน้ำมันไปขาย 3 ครั้งเป็นความผิด 3 กรรมศาลอุทธรณ์ลงโทษเพียงกระทงเดียว แม้โจทก์จะไม่ฎีกาและจำเลยที่ 1 คนเดียวฎีกาศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเฉพาะการปรับบทและกระทงลงโทษให้ถูกต้อง ตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ได้.
จำเลยร่วมกันลักน้ำมันไปขาย 3 ครั้งเป็นความผิด 3 กรรมศาลอุทธรณ์ลงโทษเพียงกระทงเดียว แม้โจทก์จะไม่ฎีกาและจำเลยที่ 1 คนเดียวฎีกาศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเฉพาะการปรับบทและกระทงลงโทษให้ถูกต้อง ตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์ลักทรัพย์ไม่สำเร็จ: การกระทำที่ยังไม่ถึงขั้นเคลื่อนย้ายทรัพย์สินเข้าถือครอง ถือเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์
ในคืนเกิดเหตุจำเลยเดินเข้าไปใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายแล้วจับและดึงท้ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายซึ่งใส่กุญแจคอ(ล็อก) อยู่บนขาตั้งผู้เสียหายร้องขึ้นว่า ขโมยจำเลยวิ่งหนีไป แม้รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายจะยังไม่เคลื่อนที่ไปก็ถือได้ว่า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ แล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตของผู้ขับแท็กซี่ที่ละเลยกระเป๋าผู้โดยสาร แสดงถึงความผิดฐานลักทรัพย์
การที่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวต่างประเทศไม่เคยเดินทางมาประเทศไทย ยอมเสียเวลาและค่าใช้จ่ายติดตามหาตัวจำเลยโดยไม่ลดละ เป็นพฤติการณ์และมีเหตุผลสนับสนุนให้คดีมีน้ำหนักเชื่อได้ว่า ยังมีกระเป๋าบรรจุทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายไม่ได้ขนเอาลงมาจากรถของจำเลยในวันเกิดเหตุจริง
จำเลยมีอาชีพขับขี่รถรับจ้างพาผู้เสียหายไปส่งจุดหมายปลายทางโดยมีกระเป๋าของผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เอาลงมาจากรถวางไว้ข้างตัวจำเลยจำเลยย่อมจะต้องรู้อยู่แล้วว่ามิใช่ของจำเลย จำเลยได้ยินเสียงผู้เสียหายเรียกให้หยุดกลับไม่หยุดและขับรถออกไปโดยเร็วเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะเอากระเป๋าของผู้เสียหายไว้เป็นของตนโดยทุจริต.(ที่มา-ส่งเสริม)
จำเลยมีอาชีพขับขี่รถรับจ้างพาผู้เสียหายไปส่งจุดหมายปลายทางโดยมีกระเป๋าของผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เอาลงมาจากรถวางไว้ข้างตัวจำเลยจำเลยย่อมจะต้องรู้อยู่แล้วว่ามิใช่ของจำเลย จำเลยได้ยินเสียงผู้เสียหายเรียกให้หยุดกลับไม่หยุดและขับรถออกไปโดยเร็วเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะเอากระเป๋าของผู้เสียหายไว้เป็นของตนโดยทุจริต.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5667/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจากการแสดงข้อความเท็จเกี่ยวกับทรัพย์สิน การนับอายุความเริ่มเมื่อโจทก์รู้ความผิดและตัวผู้กระทำ
จำเลยเบิกความในคดีที่บิดาจำเลยร้องขัดทรัพย์ว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่า บ้านที่โจทก์นำยึดเป็นของบิดาจำเลย แสดงว่าจำเลยรู้มาแต่แรกแล้วว่า บ้านไม่ใช่ของจำเลย การที่จำเลยนำบ้านดังกล่าวประกันเงินกู้โจทก์โดยระบุในสัญญากู้ว่าเป็นบ้านของจำเลย จึงเป็นการหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้โจทก์ยอมให้จำเลยกู้เงินและส่งมอบเงินที่กู้ให้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ปัญหาอายุความความผิดฐานฉ้อโกงในคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้การที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด จำต้องอาศัยข้อเท็จจริงในคดีที่บิดาจำเลยร้องขัดทรัพย์ว่าบ้านที่จำเลยนำไปประกันเงินกู้โจทก์นั้นเป็นบ้านของจำเลยหรือของบิดาจำเลย จึงต้องถือว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อคดีร้องขัดทรัพย์ถึงที่สุดแล้ว.
ปัญหาอายุความความผิดฐานฉ้อโกงในคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้การที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด จำต้องอาศัยข้อเท็จจริงในคดีที่บิดาจำเลยร้องขัดทรัพย์ว่าบ้านที่จำเลยนำไปประกันเงินกู้โจทก์นั้นเป็นบ้านของจำเลยหรือของบิดาจำเลย จึงต้องถือว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อคดีร้องขัดทรัพย์ถึงที่สุดแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5662/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงจากการนำทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นหลักประกันหนี้สิน โดยแสดงข้อความเท็จต่อเจ้าหนี้
จำเลยเบิกความในคดีที่บิดาจำเลยร้องขัดทรัพย์ว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่า บ้านที่โจทก์นำยึดเป็นของบิดาจำเลยแสดงว่าจำเลยรู้มาแต่แรกแล้วว่า บ้านไม่ใช่ของจำเลย การที่ จำเลยนำบ้านดังกล่าวประกันเงินกู้โจทก์โดยระบุในสัญญากู้ ว่าเป็นบ้านของจำเลย จึงเป็นการหลอกลวงโจทก์ด้วยการแสดง ข้อความอันเป็นเท็จ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้โจทก์ยอมให้จำเลย กู้เงินและส่งมอบเงินที่กู้ให้ การกระทำของจำเลยจึงเป็น ความผิดฐานฉ้อโกง ปัญหาอายุความความผิดฐานฉ้อโกงในคดีนี้ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ การที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงในคดีที่บิดาจำเลยร้องขัดทรัพย์ว่า บ้านที่จำเลยนำไปประกันเงินกู้โจทก์นั้นเป็นบ้านของจำเลยหรือของบิดาจำเลยจึงต้องถือว่าโจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อคดีร้องขัดทรัพย์ถึงที่สุดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5622/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาว่าความคิดค่าจ้างจากส่วนแบ่งทรัพย์สินเป็นโมฆะ แม้กฎหมายทนายความเปลี่ยนแปลง
สัญญาที่โจทก์รับจ้างว่าความว่าต่างให้จำเลยทั้งสามโดยคิดค่าจ้างร้อยละสามสิบของเงินที่ได้มาทั้งหมด มิได้คิดจากจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องเป็นการแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความจึงมีวัตถุประสงค์ขัดต่อ พ.ร.บ. ทนายความพ.ศ. 2508 มาตรา 41 ประกอบกับ พ.ร.บ. ทนายความ พุทธศักราช 2477มาตรา 12(2) เป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 113 แม้ต่อมาจะได้มีพ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 ให้ยกเลิก พ.ร.บ. ทนายความพ.ศ. 2508 ไปแล้ว และกำหนดให้คณะกรรมการ(คณะกรรมการสภาทนายความ) ออกข้อบังคับว่าด้วยมรรยาท ทนายความตามมาตรา 53 ซึ่งข้อบังคับนั้นมิได้กำหนดเรื่องค่าจ้างการว่าความไว้ก็ตาม ก็ไม่ทำให้สัญญาที่เป็นโมฆะแต่ต้น กลับสมบูรณ์ขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์: ผู้ร้องต้องพิสูจน์ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นเพื่อบังคับชำระหนี้
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรค 2 ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์มีหน้าที่นำสืบว่า จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับเอาได้อีกแล้ว เพราะถ้า ผู้ร้องนำสืบในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยเมื่อผู้ร้องไม่สืบพยาน ศาลยกคำร้องขอเฉลี่ยของผู้ร้องได้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์และประเด็นอื่นต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรค 2 ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบว่าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอื่นเพื่อบังคับชำระหนี้
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรค 2 ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์มีหน้าที่นำสืบว่า จำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับเอาได้อีกแล้วเพราะถ้าผู้ร้องนำสืบในประเด็นข้อนี้ไม่ได้ ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยเมื่อผู้ร้องไม่สืบพยาน ศาลยกคำร้องขอเฉลี่ยของผู้ร้องได้โดยไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์และประเด็นอื่นต่อไป.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5547/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าซื้อผิดสัญญา ไม่ถึงขั้นยักยอกทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเช่าซื้อรถไปจากผู้เสียหาย ต่อมาจำเลยผิดสัญญา ผู้เสียหายจึงบอกเลิกสัญญาและให้จำเลยส่งรถคืน แต่จำเลยกลับเบียดบังยักยอกรถดังกล่าวเป็นของจำเลยโดยไม่ส่งคืน แก่ผู้เสียหายและพารถหลบหนีไปเป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริต การกระทำของจำเลยตามคำฟ้องไม่เพียงพอที่จะถือว่าเป็นการเบียดบัง รถของผู้เสียหายเป็นของจำเลยโดยทุจริตอันเป็นความผิดฐานยักยอก หากแต่เป็นเพียงการกระทำที่แสดงถึงการผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5353/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ฐานะล้มละลาย: พิจารณาหนี้สิน ทรัพย์สิน และความสามารถในการชำระหนี้
จำเลยเป็นหนี้ธนาคารโดยเบิกเงินเกินบัญชี เป็นเงิน 300,000 บาทเศษ แต่มีที่ดินจำนองเป็นประกัน 3 แปลง ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยเป็นหนี้ บุคคลอื่นอีก มูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีล้มละลาย เป็นกรณีเรียกเงินตามเช็ค ที่สั่งจ่ายล่วงหน้าตามที่ตกลงไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งเช็คส่วนมากยังไม่ถึงกำหนด สำหรับเช็คบางฉบับที่ถึงกำหนดแล้ว เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คเป็นคดีอื่น จำเลยก็ยอมใช้จนครบนอกจากนี้จำเลยยังมีทรัพย์สินอยู่อีกหลายอย่างกับมีอาชีพจัดสรรที่ดินขายด้วย แสดงว่ามีฐานะมั่นคงพอที่จะชำระหนี้ได้ คดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัวอันโจทก์จะฟ้อง ให้ล้มละลายได้