คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,449 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิครอบครองที่ดินจากการไม่ชำระหนี้ และการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยอายุความ
โจทก์กู้เงินจำเลยไป 10,000 บาท มอบนาพิพาทอันเป็นที่ดินมือเปล่าให้จำเลยไว้ทำกินต่างดอกเบี้ย และมีข้อตกลงกันว่า ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี โจทก์ยอมยกนาให้เป็นสิทธิแก่จำเลย โจทก์มิได้ชำระหนี้ภายใน 1 ปี จำเลยได้ครอบครองนาพิพาทติดต่อกันมา 18 ปีแล้ว ดังนี้ การกู้เงินของโจทก์มิได้มอบนาให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยอย่างเดียว หากมีข้อตกลงยกนาให้จำเลย ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปีด้วยแม้เป็นข้อตกลงที่จำเลยยอมรับเอานาพิพาทเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมโดยมิได้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาของทรัพย์นั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบ อันตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรค 2 และวรรค 3 ก็ตาม แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาล่วงหน้าไว้ต่อกันแล้วว่า ถ้าโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี โจทก์ยอมยกนาให้จำเลย นาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้าของมีแต่สิทธิครอบครอง การที่โจทก์ไม่ชำระหนี้ภายใน 1 ปี จากนั้นจำเลยได้ครอบครองติดต่อกันมานานถึง 18 ปีนั้น เห็นได้ว่าโจทก์ได้สละการครอบครองตั้งแต่เวลาพ้นกำหนด 1 ปี และจำเลยก็ได้ครอบครองเพื่อตนมาแต่เวลาเดียวกันนั้นแล้ว จำเลยจึงได้สิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีทายาทรับผิดหนี้: โจทก์ต้องพิสูจน์การรู้ถึงการตายของเจ้ามรดกภายใน 1 ปี
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2-4 รับผิดในหนี้ของผู้ตายในฐานะที่เป็นทายาทของผู้ตาย จำเลยต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันเจ้ามรดกตาย โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าเพิ่งรู้ว่าเจ้ามรดกตายก่อนฟ้องไม่เกิน 1 ปี
คดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่ปรากฏว่าโจทก์รู้หรือควรรู้ว่าเจ้ามรดกตายเมื่อใดและปรากฏว่าเจ้ามรดกตายก่อนฟ้องคดีถึง 3 ปี เช่นนี้คดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2-4 ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดของโจทก์จากการเชิดตัวแทนที่ไม่ได้รับมอบอำนาจ และผลของการทำหลักฐานรับสภาพหนี้ต่ออายุความ
เมื่อโจทก์ได้เชิด ป. หรือรู้แล้วยังยอมให้ ป. เชิดตัวเองออกแสดงว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ โจทก์ย่อมต้องรับผิดต่อจำเลยผู้สุจริตซึ่งมิได้ล่วงรู้ถึงความจริงเสมือนว่า บ. เป็นตัวแทนของโจทก์
จำเลยได้ตกลงซื้อรถพิพาทจาก บ. เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2511 ยังชำระเงินไม่ครบ ต่อมาจำเลยได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือให้โจทก์ไว้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2512 ว่าจำเลยได้รับรถพิพาทไปในวันนั้นเองการกระทำของจำเลยเช่นนี้ฟังตระหนักเป็นปริยายได้ว่าจำเลยยอมรับสภาพแล้วว่ายังเป็นหนี้ค่าซื้อรถพิพาทกับโจทก์อยู่ในวันนั้น โจทก์ฟ้องเรียกค่ารถยนต์และค่าเสียหายเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2514 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดตามเช็ค: แม้จะพิพาทเรื่องที่มาของหนี้ แต่จำเลยผู้สั่งจ่ายยังต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คที่ออก
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ แม้โจทก์นำสืบว่าจำเลยไม่เคยสั่งซื้อสินค้าพิพาทจากโจทก์หรือเป็นหนี้โจทก์ เช็คพิพาทนั้นไม่ได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ส่วนตัว แต่เป็นเช็คที่จำเลยออกให้โจทก์เพื่อชำระหนี้บางส่วนแทนบุคคลอื่น การนำสืบดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียดเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้เช็คมาอย่างไร และเหตุใดโจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าเช็คพิพาทนั้นเป็นเช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายและโจทก์เป็นผู้ทรง จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายย่อมต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แม้จำเลยจะตั้งทนายมาถามค้านพยานโจทก์ก็ตาม ข้อต่อสู้ของจำเลยเรื่องโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตนั้น ไม่ได้เป็นประเด็นมาแต่แรก จำเลยจะยกข้อเท็จจริงเรื่องนี้ขึ้นอ้างในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเพื่อให้วินิจฉัยนั้น ไม่ได้ ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฎีกาจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกหนี้ร่วม vs. ผู้ค้ำประกัน: ศาลบังคับชำระหนี้ได้แม้ฟ้องในฐานะผู้ค้ำประกัน หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกหนี้ร่วม
เอกสารมีข้อความว่า ถ. รับเป็นผู้จัดการในการผ่อนชำระเงินค่าข้าวสารซึ่ง บ. ซื้อไปจาก จ. เนื่องจาก บ. ไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้ดังนี้หมายความว่าจะใช้หนี้แทน เป็นลูกหนี้ร่วม ไม่ใช่สัญญาค้ำประกันจึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้โจทก์ตามเอกสารท้ายฟ้อง แม้จะกล่าวว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกหนี้ร่วมก็บังคับให้จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ให้โจทก์ในฐานะลูกหนี้ร่วมได้ ไม่เป็นการนอกเหนือความประสงค์ที่โจทก์ฟ้อง
การที่จำเลยส่งสำเนาเอกสารซึ่งจำเลยจะนำสืบให้โจทก์ก่อนสืบพยานโจทก์แล้วโจทก์ไม่ได้ยื่นคำคัดค้านว่าเป็นเอกสารปลอม อันทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิจะนำสืบว่าเป็นเอกสารปลอมนั้น ไม่เป็นการตัดอำนาจศาลที่จะวินิจฉัยว่าเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ ทั้งจำเลยมิได้คัดค้านเมื่อตอนโจทก์นำสืบปฏิเสธเอกสารดังกล่าว จำเลยจะยกขึ้นคัดค้านภายหลังหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2472-2474/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ต้องมีสัญญาใหม่ที่ชัดเจน การแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องไม่เพียงพอที่จะก่อให้เกิดหนี้ใหม่
หนี้ที่เกิดจากสัญญาซื้อขายซึ่งเป็นสัญญาต่างตอบแทนนั้นฐานะของคู่สัญญามิได้เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ฝ่ายเดียวแต่ละฝ่ายต่างมี 2 ฐานะคือเป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ด้วยการโอนสิทธิเรียกร้องให้บุคคลอื่นต่อไปนั้น จะใช้วิธีการแบบโอนสิทธิเรียกร้องธรรมดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 หาได้ไม่เมื่อจำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่มารดาโจทก์แต่ละสำนวนและมารดาโจทก์แต่ละสำนวนได้โอนสิทธิให้โจทก์กรณีเป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ลูกหนี้ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา350 คือจะต้องทำสัญญาต่อกัน ซึ่งบางกรณีต้องทำเป็นหนังสือด้วยและต้องไม่ขืนใจลูกหนี้ซึ่งหมายความว่าทั้งลูกหนี้เจ้าหนี้ต้องยินยอมต่อกันนั่นเองหาใช่เพียงแต่แจ้งการโอนให้ลูกหนี้ทราบก็เกิดสัญญาแปลงหนี้ใหม่ได้ไม่ เมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยได้มีการทำสัญญากันใหม่หนี้ใหม่ก็ไม่เกิดขึ้นโจทก์จึงไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลยแต่อย่างใด และไม่เกิดอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2341/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หักกลบลบหนี้ระหว่างโจทก์จำเลย: เช็คค่ายางรถยนต์คืนสินค้า
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามจำนวนในเช็ค ซึ่งจำเลยออกชำระหนี้ค่ายางรถยนต์ที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยได้ซื้อยางรถยนต์และออกเช็คจริง แต่จำเลยคืนยางรถยนต์ให้โจทก์ 18 เส้น โจทก์ออกเครดิตโน้ตให้ไว้แล้วไม่คิดหักให้ โจทก์จึงไม่อาจจะฟ้องเรียกเอาเงินตามเช็คได้ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นดังข้อต่อสู้ของจำเลย โจทก์และจำเลยที่ 1 จึงต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกัน โดยมูลหนี้อันมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกัน และหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวถึงกำหนดชำระจึงชอบที่จะหักกลบลบหนี้กันได้ และศาลชอบที่จะวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ได้โดยจำเลยไม่ต้องฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1,2 รับผิด ยกฟ้องจำเลยที่ 3 โจทก์อุทธรณ์ฎีกาขอให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจะพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดตามข้ออ้างในฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองแยกจากหนี้ได้ เจ้าหนี้มีสิทธิบังคับชำระหนี้ได้ทั้งจากทรัพย์สินทั่วไปและทรัพย์สินที่จำนอง
การจำนองเป็นสัญญาเอาทรัพย์สินตราไว้เป็นการประกันหนี้ โดยมีหนี้ที่จะพึงต้องชำระแก่กันอันเป็นหนี้ประธาน และจำนองอันเป็นอุปกรณ์ของหนี้นั้น ซึ่งอาจแยกหนี้ที่จะต้องชำระแก่กัน และการจำนองออกเป็นคนละส่วนต่างหากจากกันได้ เจ้าหนี้จึงชอบที่จะใช้สิทธิ์เรียกร้องอย่างหนี้สามัญ หรือจะบังคับจำนองอย่างใดอย่างหนึ่งก็ย่อมทำได้ ไม่เป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมายเรื่องจำนองหรือเป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองแยกจากหนี้ได้ เจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้องได้ทั้งทางหนี้สามัญและบังคับจำนอง ไม่ถือเป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมาย
การจำนองเป็นสัญญาเอาทรัพย์สินตราไว้เป็นการประกันหนี้ โดยหนี้ที่จะพึงต้องชำระแก่กันอันเป็นหนี้ประธาน และจำนองอันเป็นหนี้อุปกรณ์ของหนี้นั้น ซึ่งอาจแยกหนี้ที่จะต้องชำระแก่กัน และการจำนองออกเป็นคนละส่วนต่างหากจากกันได้ เจ้าหนี้จึงชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องอย่างหนี้สามัญ หรือจะบังคับจำนองอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนย่อมทำได้ ไม่เป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมายเรื่องจำนองหรือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนเชิด: จำเลยต้องรับผิดในหนี้ที่ตัวแทนเชิดก่อ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
การเชิดบุคคลใดเป็นตัวแทน หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อที่ดิน ดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิด ป. เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมและการที่ ป. ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขนก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเองศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ไม่เป็นการนอกฟ้อง
of 145