พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมปลอม: การพิสูจน์เจตนาทำพินัยกรรมและสภาพจิตของผู้ทำพินัยกรรม
คดีก่อน ก. เป็นผู้ร้องขอจัดการมรดก จำเลยในคดีนี้เป็นผู้คัดค้าน แม้คดีทั้งสองจะมีประเด็นวินิจฉัยเดียวกันว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทเป็นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ แต่โจทก์ในคดีนี้เป็นคนละคนกับผู้ร้องในคดีก่อน ฉะนั้นโจทก์คดีนี้จึงไม่ใช่คู่ความในคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลียนแบบเครื่องหมายการค้า: ความเหมือนของคำเรียกขานและเจตนาเลียนแบบมีผลต่อสิทธิในเครื่องหมายการค้า
แม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยจะมีลักษณะและลีลาการเขียนแตกต่างกัน แต่เมื่อเครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยใช้ภาษาต่างประเทศที่มีสำเนียงเรียกขานเหมือนกันและใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกัน ผู้ซื้อย่อมถือคำเรียกขานและหลงผิดได้ว่าสินค้าทั้งสองเครื่องหมายเป็นอย่างเดียวกัน ดังนี้เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยมีลักษณะเหมือนกัน สินค้าของจำเลยได้ผลิตและจำหน่ายยังประเทศต่าง ๆ เกือบทั่วโลกมาก่อนโจทก์ มีการโฆษณาเผยแพร่ตลอดจนนำไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศต่าง ๆ หลายประเทศ ทั้งยังมีตัวแทนจำเลยที่ต่างประเทศส่งสินค้าของจำเลยเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยโจทก์ซึ่งมีอาชีพเป็นตัวแทนขายรองเท้าต่างประเทศ ย่อมรู้ว่าสินค้ารองเท้าของจำเลยภายใต้เครื่องหมายการค้าพิพาทเป็นที่นิยมแพร่หลาย ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ส่อให้เห็นเจตนาของโจทก์ที่จะเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลยซึ่งใช้มาก่อนโจทก์ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสินค้าของโจทก์เป็นสินค้าของจำเลยจำเลยจึงมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสนับสนุนการฆ่าผู้อื่น แม้ไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด โดยมีเจตนาฆ่าจำเลยที่ 2 เข้าล็อกคอและจับแขนผู้ตายหลังจากที่จำเลยที่ 1ใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้ตาย 1 นัด แล้วผู้ตายสลัดหลุดแล้วล้มลง จึงถูกจำเลยที่ 1 จ่อยิงอีก 1 นัด โดยที่จำเลยที่ 2 ไม่ได้ทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้ตายมาก่อน การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1ในการยิงผู้ตายนัดที่ 2 เท่านั้น จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกเงิน - การรับเงินเพื่อซื้อของแต่ไม่ซื้อถือเป็นเจตนายักยอก
การที่จำเลยรับฝากเงินไปจากโจทก์ร่วมเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์โกโก้ แต่จำเลยไม่ซื้อให้และกลับปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินจากโจทก์ร่วมเป็นการส่อเจตนาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวของโจทก์ร่วมไว้เป็นของตนโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: การพิสูจน์เจตนาของผู้รับของกลาง จำเลยปฏิเสธการรับสารภาพในชั้นจับกุม จึงใช้ยันไม่ได้
เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับแจ้งข้อหาจำเลยว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร คำให้การรับสารภาพของจำเลยตลอดข้อหา ในบันทึกการจับกุมโดยไม่ระบุว่ารับสารภาพฐานใดนั้น เมื่อจำเลยปฏิเสธในชั้นศาลว่าไม่ได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม จึงใช้ยันจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7779/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาสำคัญในการครอบครองวัตถุระเบิด หากไม่รู้ว่าเป็นวัตถุระเบิด ถือไม่มีความผิด
แม้จำเลยจะเก็บวัตถุระเบิดของกลางมา แต่จำเลยเองก็ไม่ทราบว่าเป็นวัตถุระเบิด เพิ่งทราบเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจที่ตรวจค้นบอก จำเลยจึงไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิดฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหาของกลางประชดบิดา ไม่ถือว่ามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยเจตนา
จำเลยให้เพื่อนไปซื้อเฮโรอีนมา แล้วจำเลยนำเฮโรอีนไปมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้จับกุมตนในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเพื่อประชดบิดา เป็นการหาเฮโรอีนมาเป็นของกลางเพื่อให้ถูกจับกุม มิใช่เจตนาจะยึดถือเฮโรอีนไว้ในครอบครองการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายึดถือยาเสพติดเพื่อครอบครองหรือไม่: เหตุผลที่ทำให้ไม่เป็นความผิด
จำเลยมีเรื่องทะเลาะกับบิดา จำเลยน้อยใจอยากจะประชดบิดาจึงให้เพื่อนไปซื้อเฮโรอีนมา 2 หลอด เมื่อได้เฮโรอีนมาแล้วจำเลยนำเฮโรอีนไปมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้จับกุมตนในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครามครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต เป็นการหาเฮโรอีนมาเป็นของกลางเพื่อให้ถูกจับกุม มิใช่เจตนาที่จะยึดถือเฮโรอีนไว้ในครอบครองของตน ไม่เป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาประชดบิดา ซื้อเฮโรอีนมอบตำรวจเพื่อถูกจับกุม ไม่ถือเป็นความผิดฐานครอบครองยาเสพติด
จำเลยต้องการประชดบิดาจึงได้ซื้อเฮโรอีนมาแล้วนำไปมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้จับกุมจำเลย เป็นกรณีจำเลยเจตนาที่จะให้เจ้าพนักงานตำรวจได้เห็นว่าตนมีเฮโรอีนจะได้จับกุมเท่านั้น มิใช่เจตนาที่จะยึดถือเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อเลิกกันหรือไม่ เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระ แต่ผู้ให้เช่าซื้อยังรับชำระต่อเนื่อง
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดใด ให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันและผู้เช่าซื้อต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อโดยพลัน แต่ทางปฏิบัติจำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อแต่ละงวดหลังจากครบกำหนดแล้ว โจทก์ก็ผ่อนผันยอมรับชำระตลอดมา โจทก์ก็อ้างในคำฟ้องว่าสัญญาเช่าซื้อได้เลิกกันตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 17 แต่หลังจากนั้นโจทก์ยังยินยอมรับเงินค่าเช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 อีกหลายครั้ง แสดงว่าโจทก์ไม่ถือเอาข้อสัญญาดังกล่าวเป็นสาระสำคัญ แต่ถือว่าสัญญาเช่าซื้อยังมีผลต่อไป เมื่อคู่สัญญามีเจตนาถือว่าสัญญาเช่าซื้อยังมีผลต่อกัน และต่อมามิได้มีการบอกเลิกสัญญาแก่กัน โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสอง คำฟ้องของโจทก์มิได้อ้างว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันเมื่อโจทก์ยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน แต่โจทก์อ้างว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันเมื่อจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 17 ที่โจทก์ฎีกาว่าการที่โจทก์ยึดรถคืนกลับมาถือได้ว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 คู่สัญญาต้องกลับสู่ฐานะเดิม จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249