คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โมฆะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกทรัพย์สินสมรสโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากภริยา ทำให้การจดทะเบียนยกให้เป็นโมฆะ
การที่สามีเอาที่นาที่สวนและสิ่งปลูกน้างอันเป็นสินบริคณห์ ไปจดทะเบียนยกให้จำเลยโดยมิได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากโจทก์ซึ่งเป็นภริยา การนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ จำเลยจะยกขึ้นยันโจทก์ไม่ได้ และโจทก์ขอให้เพิกถอนการยกให้นั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจำนองเพื่อค้ำประกันสัญญาซื้อขาย: ไม่เป็นโมฆะหากผู้ขายยังไม่ผิดสัญญา
ผู้ซื้อกับผู้ขายทำสัญญาจะซื้อจะขาย ที่ดินพิพาทกันเป็นเงิน 14,000 บาท ผู้ขายได้รับชำระค่าที่ดินไปเกือบหมดแล้ว ผู้ซื้อก้ได้เข้าครอบครองปลูกเรือนลงในที่ดินนั้นเรียบร้อยแล้ว ยังแต่ผู้ขายจะไปทำการแบ่งแยกโฉนดที่ดินพิพาทให้เป็นของผู้ซื้อเท่านั้น ในระหว่างจะแบ่งแยกโฉนด ผู้ซื้อกลัวว่าผู้ขายจะโกงบิดพลิ้วไม่ยอมโอนที่ดินพิพาทให้ภายหลัง จึงขอร้องให้ผู้ขายไปทำสัญญาจำนองเป็นประกันเงินราคาที่ดิน ที่ซื้อขายกันซึ่งได้ชำระไปแล้วนั้นไปอีก โดยผู้ซื้อจะไม่คิดเอาดอกเบี้ย แก่ ผู้ขายในการจำนองนี้ เว้นแต่ผู้ขายบิดพลิ้ว โกงไม่ยอมโอนขายที่ดินให้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ทำกันไว้แล้ว จึงจะเอาสัญญาจำนองมาฟ้องบังคับเรียกราคาที่ดินที่ได้ชำระไปแล้วคืนจากผู้ขาย ดังนี้ สัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นเจตนาที่แท้จริงของคู่สัญญา ส่วนสัญญาจำนองไม่ใช่นิติกรรมอำพราง แต่เป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งที่คู่กรณีสมัครใจตกลงทำขึ้นเพื่อเป็นการค้ำประกันเงินที่ผู้ซื้อได้ชำระราคาที่ดิน ไปแล้วตามสัญญาจะซื้อขายสัญญาจำนอง จึงไม่เป็นโมฆะ และตราบใดที่ผู้ขายยังมิได้ผิดสัญญาจะซื้อขาย โดยผู้ขายมิได้บิดพลิ้วไม่ยอมโอนขายที่ดินให้ผู้ซื้อแล้ว ผู้ซื้อก็จะนำสัญญาจำนองมาฟ้องบังคับผู้ขายยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าว: สิทธิที่ดินเป็นโมฆะหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย แม้ได้รับสัญชาติไทยภายหลัง
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 ก็ดี ประมวลกฎหมายที่ดินหมวด 8 ก็ดี มุ่งหมายบัญญัติว่าคนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้ เว้นแต่จะเข้ากฎเกณฑ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฉะนั้น คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้จึงเป็นหลัก และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นข้อยกเว้น หาใช่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วถือเป็นเหตุในการวินิจฉัยว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้เมื่อได้กรรมสิทธิ์แล้วก็มีสิทธิตั้งตัวแทนใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ เพราะการวินิจฉัยเช่นนั้นมีผลทำให้ความมุ่งหมายของกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง การที่คนต่างด้าวกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินโดยใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงไม่มีผล ตกเป็นโมฆะ และย่อมมีผลเป็นการทั่วไปทั้งแก่รัฐและเอกชนหาใช่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าวไม่ และแม้คนต่างด้าวนั้นจะได้รับสัญชาติไทยมาในภายหลัง ก็หาทำให้การอันเป็นโมฆะแต่เริ่มแรก กลับฟื้นคืนดีขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาอยู่กินฉันสามีภริยาขัดศีลธรรม เป็นโมฆะ แม้จะมีการส่งมอบทรัพย์สินก็ไม่มีสิทธิเรียกคืน
ชายมีภริยาอยู่แล้วและยังอยู่กินด้วยกัน ถ้าตกลงกับหญิงอื่นอีกว่าจะอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ข้อตกลงดังนี้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 แม้หญิงนั้นจะมิได้ปฏิบัติตามข้อลง ก็ไม่มีนิติสัมพันธ์ที่จะต้องรับผิดต่อชายนั้น
ถ้าหญิงนั้นเรียกร้องเอาเงินทองเพื่อการที่ตกลงยอมอยู่กินเป็นภริยา และชายนั้นก็ส่งมอบเงินทองให้ตามที่ตกลงกัน การส่งมอบนั้นย่อมเป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้ด้วยวัตถุประสงค์ซึ่งฝ่าฝืนศีลธรรมอันดี ถ้าหญิงนั้นไม่ยอมอยู่กินเป็นภริยาด้วย ชายนั้นก็ไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาอยู่กินฉันสามีภริยาที่เป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อศีลธรรม และสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินคืน
ชายมีภริยาอยู่แล้วและยังอยู่กินด้วยกัน ถ้าตกลงกับหญิงอื่นดีกว่าจะอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ข้อตกลงดังนี้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 แม้หญิงนั้นจะมิได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ก็ไม่มีนิติสัมพันธ์ที่จะต้องรับผิดต่อชายนั้น
ถ้าหญิงนั้นเรียกร้องเอาเงินทองเพื่อการที่ตกลงยอมอยู่กินเป็นภริยา และชายนั้นก็ส่งมอบเงินทองให้ตามที่ตกลงกัน การส่งมอบนั้นย่อมเป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้ด้วยวัตถุประสงค์ซึ่งฝ่าฝืนศีลธรรมอันดี ถ้าหญิงนั้นไม่ยอมอยู่กินเป็นภริยาด้วย ชายนั้นก็ไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายเรือนพิพาทบนที่ดินเช่าเป็นโมฆะ หากไม่มีเจตนาทำตามกฎหมายตั้งแต่แรก
ผู้ขายขายบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่เช่าจากสำนักงานทรัพย์สิน ๆ ได้รับชำระราคาครบถ้วนและมอบให้ผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัยแล้วแต่ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะผู้ขายอ้างว่าหากไปทำโอนกัน สำนักงานทรัพย์สิน ฯ ทราบเรื่องเข้าจะหาว่าผิดสัญญาและเลิกสัญญาเช่าที่ดิน ซึ่งผู้ซื้อก็ยอม ดังนี้ แสดงว่าคู่กรณีมิได้มีเจตนาจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายมาแต่แรกแล้ว สัญญาซื้อขายจึงเป็นโมฆะและจะถือว่าคู่กรณีตั้งใจจะให้สมบูรณ์ในฐานเป็นสัญญาจะซื้อขายก็ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1358/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พิพากษาพินัยกรรมโมฆะเนื่องจากไม่ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด และข้อตกลงสละมรดกที่ไม่สมบูรณ์
พินัยกรรมตามแบบมาตรา 1656 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้นจึงจะสมบูรณ์ จึงต้องฟังข้อเท็จจริง (ให้) ได้ (ความ) ว่า มีการกระทำถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด มิใช่เพียงแต่ฟังตามตัวหนังสือที่เขียนขึ้นไว้ พินัยกรรมที่มีบันทึกผู้รู้เห็นเป็นพยาน 5 คน แต่คนหนึ่งในจำนวนนี้ไม่ได้ลงชื่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอ้างพยานที่ลงชื่อ 4 คนนี้มาสืบว่า 3 คนในจำนวนนี้เซ็นชื่อลับหลังผู้ทำพินัยกรรม คงมีคนเดียวที่ผู้ทำพินัยกรรมพิมพ์ลายมือต่อหน้า ดังนี้ แม้จะเป็นการสืบพยานแก้ไขข้อความในเอกสาร แต่ก็เป็นการนำสืบเพื่อแสดงความไม่สมบูรณ์ของเอกสารนั้น ย่อมนำสืบได้
ก.จำเลยกับ ฮ.บุตรของเจ้ามรดกตกลงแบ่งมรดกกัน โดย ก.จำเลยตกลงแบ่งที่ดินหมายเลข 4 ให้ฮ. ฮ.ก็ตกลงแบ่งที่ดินหมายเลข 5 ให้ ก. จำเลย และต่างทำเป็นหนังสือสละมรดกโดยต่างทำให้แก่กัน เมื่อปรากฏว่า ก.ไม่ใช่ทายาทของเจ้ามรดก เพราะเป็นแต่สะใภ้ไม่มีอำนาจแบ่งมรดกได้ ข้อตกลงนี้ก็ไม่สมบูรณ์ และหนังสือนี้เป็นแต่ข้อตกลงในการแบ่งทรัพย์มรดกเท่านั้น มิใช่เป็นการสละมรดกตามกฎหมาย เพราะยังมีข้อผูกพันจะต้องแบ่งมรดกบางส่วนตอบแทนให้ ฮ. ทายาทอื่นที่มิใช่คู่สัญญาหามีสิทธิจะอ้างข้อตกลงนี้ (หนังสือที่ฮ.ทำ) เป็นประโยชน์แก่ตนไม่
พินัยกรรมที่ทำขึ้นผิดแบบตามมาตรา 1656 เป็นโมฆะตามมาตรา 1705 ไม่เป็นพินัยกรรมเสียแล้ว ความเสียเปล่านี้ผู้มีส่วนได้เสียจะกล่าวอ้างขึ้นก็ได้ หาต้องฟ้องขอให้เพิกถอนไม่ ตามมาตรา 1710 ใช้เฉพาะเมื่อเป็นพินัยกรรมแล้วเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมที่มีเงื่อนไขให้เลิกคดีอาญา เป็นโมฆะขัดต่อความสงบเรียบร้อย
ทำสัญญาประนีประนอมยอมให้ค่าเสียหายในเรื่องทำให้คนตายโดยประมาทเป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว ต่อมาได้เพิ่มเติมข้อความว่า จะรับค่าเสียหายไปได้ต่อเมื่อคดีที่ผู้ถูกฟ้องทางอาญาฐานทำให้คนตายนั้นถึงที่สุดไม่มีผิดตามกฎหมายแล้ว ดังนี้ เป็นการตกลงที่จะให้ฝ่ายรับค่าเสียหายกระทำผิดกฎหมายหรือให้บิดเบือนข้อเท็จจริงอันจะช่วยให้ผู้กระทำผิดพ้นอาญาไป ข้อตกลงใหม่จึงขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมมีเงื่อนไขขัดต่อความสงบเรียบร้อยเป็นโมฆะ
สัญญาประนีประนอมที่มีเงื่อนไขว่า จะจ่ายเงินที่เหลือต่อเมื่อศาลพิพากษาว่า ผู้ขับรถชนสามีโจทก์ ไม่มีผิดทางอาญานั้น ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนเป็นโมฆะใช้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์คณะผู้พิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นโมฆะ
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นั่งฟังแถลงการณ์ 3 นาย แล้วลงชื่อพิพากษา 2 นาย กับมีผู้พิพากษาที่มีได้นั่งฟังแถลงการณืและมิใช่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ร่วมลงชื่อด้วยอีก 1 นายทำให้คำพิพากษานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชอบที่ศาลฎีกาจะยกเสียและให้พิพากษาใหม่
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 29/2503 และอ้างฎีกาที่ 1205/2473
of 132