คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีแพ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,220 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาตามยอมแล้ว ศาลไม่อาจกลับคำพิพากษาให้แพ้คดีเดิมได้
ฎีกาของจำเลยที่โต้เถียงว่าจำเลยได้พิพาทกันและทำยอมแบ่งที่ดินกันระหว่างจำเลยซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมไปแล้ว ศาลจะกลับมาพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโจทก์ไม่ได้นั้น เป็นฎีกาที่ไม่มีสาระไม่มีกฎหมายใดสนับสนุน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพาทเรื่องการครอบครองที่ดิน และความผิดทางอาญา: การพิจารณาคดีอาญาควบคู่กับข้อพิพาททางแพ่ง
คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันลักตัดฟันต้นไม้ในที่ดินของโจทก์ เมื่อได้ความเพียงว่า ที่ดินนั้นโจทก์จำเลยได้เคยนำเจ้าพนักงานรังวัดเถียงสิทธิครอบครองกันอยู่ ดังนี้ศาลไม่ควรงดสืบพะยานโจทก์โดยเห็นไปว่าเป็นคดีแพ่ง ควรให้โอกาสโจทก์สืบให้สมฟ้องเพราะอาจเป็นความผิดทางอาญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สัญญากู้เป็นพยานหลักฐานหลังปิดอากรแสตมป์ครบถ้วน แม้จะมิได้ปิดอากรแสตมป์มาแต่เดิม
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บังคับแต่เพียงจะใช้ตราสารเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้จนกว่าจะได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์และขีดฆ่าแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าตราสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาแต่เดิมก็ดี ถ้าได้มีการปิดอากรแสตมป์ขึ้นแล้วในภายหลัง ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ทันที มิได้มีอะไรสูญเสียไป
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามเอกสารสัญญากู้ แต่ปรากฏว่า สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ยังไม่ครบถ้วน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้านเมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแพ่ง: การมอบอำนาจภายหลังการยื่นฟ้องและผลของการให้สัตยาบัน
ข้าหลวงประจำจังหวัดฟ้องความแพ่งแทนกระทรวงการคลัง โดยอาศัยระเบียบการปฏิบัติของกระทรวงการคลังและตามหนังสือของกระทรวงการคลัง 2 ฉบับ ซึ่งแม้จะยังไม่เพียงพอที่ถือได้ว่าเป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ก็ดี แต่ต่อมาก่อนศาลสืบพยานกระทรวงการคลังได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้ ทำการแทน มีอำนาจฟ้องจำเลยและดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นใบมอบอำนาจอันถูกต้องแล้วดังนี้แม้จะได้ยื่นภายหลังวันชี้สองสถาน ก็ถือได้ว่าเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ซึ่งไม่มีบทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด ยิ่งเมื่อพิจารณาดูมาตรา 47 ป.ม.วิ.แพ่งประกอบด้วยแล้ว ย่อมเห็นได้ว่าศาลชอบที่จะพึงรับฟังใบมอบอำนาจนี้ได้ ฉะนั้นข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้เป็นโจทก์จึงย่อมมีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแพ่ง: การมอบอำนาจแม้หลังฟ้องก็มีผลได้ หากเป็นการยืนยันและไม่มีกฎหมายห้าม
ข้าหลวงประจำจังหวัดฟ้องความแพ่งแทนกระทรวงการคลัง โดยอาศัยระเบียบการปฏิบัติของกระทรวงการคลังและตามหนังสือของกระทรวงการคลัง 2 ฉบับ ซึ่งแม้จะยังไม่เพียงพอที่ถือได้ว่า เป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ก็ดี แต่ต่อมาก่อนศาลสืบพยานกระทรวงการคลังได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือปลัดจังหวัดผู้ทำการแทน มีอำนาจฟ้องจำเลยและดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นใบมอบอำนาจอันถูกต้องแล้ว ดังนี้ แม้จะได้ยื่นภายหลังวันชี้สองสถาน ก็ถือได้ว่าเท่ากับเป็นการกระทำให้การมอบอำนาจครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นแล้วเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด ยิ่งเมื่อพิจารณาดูมาตรา 47 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยแล้วย่อมเห็นได้ว่าศาลชอบที่จะพึงรับฟังใบมอบอำนาจนี้ได้ฉะนั้นข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้เป็นโจทก์จึงย่อมมีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่24/2493)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งและอาญาปนกัน ศาลฎีกาต้องใช้ข้อเท็จจริงเดิมจากคดีอาญาที่ยุติแล้วในการพิจารณาคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนมีราคาเกิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดสัญญาทางแพ่งไม่ผิดฐานยักยอก จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้คดีส่วนอาญาย่อมถือว่ายุติ คู่ความคงฎีกาได้เฉพาะคดีส่วนทางแพ่งเท่านั้น และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลฎีกาย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างที่ได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาและแพ่งปนกัน ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกับศาลล่างในส่วนอาญา แม้ฎีกาเฉพาะแพ่ง
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ ขอให้ลงโทษทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนมีราคา เกิน 2,000 บาท ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดสัญญาทางแพ่งไม่ผิดฐานยักยอก จึงพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้คดีส่วนอาญาย่อมถือว่ายุติ คู่ความคงฎีกาได้เฉพาะคดีส่วนทางแพ่งเท่านั้น และในการพิจารณาคดีส่วนแพ่งในชั้นฎีกานี้ ศาลฎีกาย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่างที่ได้ฟังไว้ในคดีส่วนอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเบิกความเท็จ: ผู้ครอบครองทรัพย์มีสิทธิฟ้องหากได้รับความเสียหายจากการเบิกความเท็จในคดีแพ่ง
กรณีที่ถือว่าเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเบิกความเท็จ: ผู้ครอบครองทรัพย์สินมีสิทธิฟ้อง หากการเบิกความเท็จทำให้เสียสิทธิครอบครอง
กรณีที่ถือว่า เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบพยานในคดีแพ่ง: จำเลยปฏิเสธฟ้องทุกข้อ โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญา ขอให้บังคับ จำเลยต่อสู้ว่า ข้อสัญญามิได้เป็นดังโจทก์อ้าง แต่เป็นดังที่จำเลยต่อสู้ โจทก์ทำผิดสัญญา จึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ เรียกว่า จำเลยปฏิเสธฟ้องของโจทก์ทุกข้อโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน
ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบผิดโดยให้จำเลยสืบก่อนแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยเสียเลย ศาลอุทธรณ์เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นไม่รับวินิจฉัยพยานจำเลยนั้นไม่ชอบ และที่ศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบให้จำเลยสืบก่อนก็ไม่ชอบ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยใหม่แล้วพิพากษาตามรูปคดี โดยถือว่า โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนได้
of 122