พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการอนุญาตถอนฟ้อง: การใช้สิทธิโดยสุจริต ไม่ถือเป็นการเอาเปรียบ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 ให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องการที่โจทก์ขอถอนฟ้องเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย หากโจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่ จำเลยก็มีสิทธิที่จะต่อสู้คดีได้เต็มที่ฝ่ายใดจะแพ้ชนะคดีย่อมแล้วแต่พยานหลักฐานและรูปคดีทั้งปรากฏจากคำร้องขอถอนฟ้องว่าหนี้จำนองยังไม่ถึงกำหนดฟ้องร้องได้ โจทก์จึงขอถอนฟ้อง เมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์และเหตุผลในคดีแล้ว ถือไม่ได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่สุจริตเป็นการเอาเปรียบเชิงคดี ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลฎีกาในคดีคัดค้านการเลือกตั้ง และการพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของคำร้อง
กระบวนพิจารณาคดีการคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้เป็นพิเศษในมาตรา 78 และ 79 ว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่กฎหมายมอบหมายให้ศาลจังหวัดหรือศาลแพ่งกระทำการแทนศาลฎีกา ส่วนความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวที่ได้ส่งมายังศาลฎีกาพร้อมกับสำนวนนั้นก็เป็นเพียงข้อเสนอแนะต่อศาลฎีกาโดยตรง ไม่มีลักษณะเป็นคำพิพากษาหรือคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่คู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียจะโต้แย้งคัดค้านได้ และในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีศาลฎีกาก็มิได้ถูกผูกมัดโดยความเห็นของศาลหนึ่งศาลใดดังกล่าวนั้นด้วย ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลฎีกาอาจจะมีคำวินิจฉัยคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปได้โดยไม่จำต้องรอฟังความเห็นของศาลจังหวัดหรือศาลแพ่ง.
ในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นศาลแพ่งมีคำสั่งว่า จะพิจารณารวมสั่งเมื่อมีคำสั่ง ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเสียเองได้
คำร้องบรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งในเขต 8 กรุงเทพมหานครทุกหน่วยจงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 ให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนให้ผิดไปจากความเป็นจริงโดยกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นบัตรเสียให้เป็นบัตรดีจำนวน 50 คะแนน ทำให้ผู้คัดค้านที่ 2ได้รับคะแนนเพิ่มไปจากความเป็นจริง 50 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข1 และกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นบัตรดีให้เป็นบัตรเสียจำนวน 690 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง บัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 2 ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนน้อยไปจากความเป็นจริง 690 คะแนน เช่นนี้จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งดังกล่าวได้ตามมาตรา 78 และบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็มีรายละเอียดชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง นับได้ว่าคำร้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น กรณีต้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 โดยชอบแล้ว คำร้องของผู้ร้องไม่เคลือบคลุม.
ในคดีคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นศาลแพ่งมีคำสั่งว่า จะพิจารณารวมสั่งเมื่อมีคำสั่ง ผู้คัดค้านย่อมมีอำนาจยื่นฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยเสียเองได้
คำร้องบรรยายว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งและเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งในเขต 8 กรุงเทพมหานครทุกหน่วยจงใจนับบัตรเลือกตั้งหรือคะแนนของผู้คัดค้านที่ 2 ให้ผิดไปจากความจริงหรือรวมคะแนนให้ผิดไปจากความเป็นจริงโดยกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นบัตรเสียให้เป็นบัตรดีจำนวน 50 คะแนน ทำให้ผู้คัดค้านที่ 2ได้รับคะแนนเพิ่มไปจากความเป็นจริง 50 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้งบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข1 และกรรมการตรวจนับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นบัตรดีให้เป็นบัตรเสียจำนวน 690 คะแนน ดังรายละเอียดปรากฏตามบัตรเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง บัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 2 ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนน้อยไปจากความเป็นจริง 690 คะแนน เช่นนี้จึงเป็นการกล่าวอ้างว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งดังกล่าวได้ตามมาตรา 78 และบัญชีท้ายคำร้องหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องก็มีรายละเอียดชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสองเข้าใจและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง นับได้ว่าคำร้องได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น กรณีต้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 โดยชอบแล้ว คำร้องของผู้ร้องไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ที่ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อ ศาลมีอำนาจรับพิจารณา
อุทธรณ์ของจำเลยได้ระบุข้อเท็จจริงที่จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยย่อ เพียงแต่ไม่ได้ย่อทางนำสืบของโจทก์จำเลยเท่านั้นไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ถือได้ว่าได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อที่ยกขึ้นอ้างอิงไว้แล้ว เป็นอุทธรณ์ที่ศาลอุทธรณ์มีอำนาจรับไว้พิจารณาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1448/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งทุเลาการบังคับเป็นอำนาจเฉพาะของแต่ละศาล โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้
การสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 เป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาลแต่ละชั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับต่อศาลอุทธรณ์ ย่อมเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะสั่ง โจทก์จะฎีกาคำสั่งดังกล่าวต่อศาลฎีกาไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลมีอำนาจพิจารณาลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งสองอย่างตามความเหมาะสม
โจทก์บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยผลิตกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผิดกฎหมายและอ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 อันเป็นบทห้ามกระทำผิด แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทลงโทษมาตรา 75 ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวได้
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20 ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56 ได้ด้วย.
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20 ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56 ได้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษคดีผลิตกัญชา ศาลมีอำนาจลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งสองอย่าง และใช้ดุลพินิจรอการลงโทษได้
โจทก์บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยผลิตกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผิดกฎหมายและอ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 อันเป็นบทห้ามกระทำผิด แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทลงโทษมาตรา 75 ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวได้
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56ได้ด้วย.
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56ได้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีด้วยการขอเลื่อนนัดสืบพยานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ศาลมีอำนาจตัดพยานและดำเนินกระบวนการต่อไปได้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยเป็นไข้หวัด ศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีแต่กำชับไว้ว่านัดหน้าให้จำเลยนำพยานมาสืบ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานครั้งต่อมา ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ติดกิจธุระสำคัญที่ต่างจังหวัด ไม่สามารถกลับมาทันเวลาศาลนัดได้โดยทนายจำเลยไม่สามารถแถลงให้ศาลทราบได้ว่าไปกิจธุระอะไรที่จังหวัดใด จำเลยยื่นบัญชีพยานระบุตัวจำเลยที่ 2 ที่ 3 กับพยานอื่นอีกหนึ่งปากเท่านั้น ทั้งศาลได้กำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยไว้ล่วงหน้านานพอสมควรหากติดธุระจริง พยานจำเลยคนใดคนหนึ่งจะต้องมาศาลได้ ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามเป็นการประวิงคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการยุติการสืบพยาน: ดุลพินิจและข้อจำกัดการฎีกา
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้วเป็น อันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลวินิจฉัย ว่าพยานที่นำสืบมาเพียงพอยุติได้แล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า ยังไม่ควรยุติเพราะหากศาลเปิดโอกาสให้จำเลยสืบพยานอีก ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็จะกระจ่ายชัดขึ้น ทำให้การวินิจฉัยคดี จะได้รับความยุติธรรม จึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาล อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการยุติการสืบพยาน: การโต้เถียงดุลพินิจศาลเป็นเหตุต้องห้ามมิให้ฎีกา
อำนาจในการที่จะวินิจฉัยว่าพยานที่นำมาสืบแล้วเป็น อันเพียงพอยุติได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล เมื่อศาลวินิจฉัย ว่าพยานที่นำสืบมาเพียงพอยุติได้แล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า ยังไม่ควรยุติเพราะหากศาลเปิดโอกาสให้จำเลยสืบพยานอีก ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ก็จะกระจ่ายชัดขึ้น ทำให้การวินิจฉัยคดี จะได้รับความยุติธรรม จึงเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาล อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมสำหรับโจทก์ต่างชาติ ศาลไม่ต้องไต่สวนหากโจทก์ยอมรับว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจศาล
การไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 253 วรรคสองนั้นหมายถึงการไต่สวนถึงเหตุที่ทำให้มีการร้องขอให้โจทก์วางเงินซึ่งมีอยู่ 2 เหตุ คือโจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาลเหตุหนึ่ง หรือถ้ามีเหตุอันเป็นที่เชื่อได้ว่าเมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอีกเหตุ หนึ่ง เมื่อจำเลยร้องขอให้โจทก์วางเงินประกันโดยอ้างเหตุว่าโจทก์มีภูมิลำเนาในประเทศอังกฤษ ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาล และโจทก์ยอมรับในคำแถลงคัดค้านแล้วว่าโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศอังกฤษ จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องทำการไต่สวนอีก
จำนวนเงินที่ศาลจะสั่งให้โจทก์วางประกันนั้น ตามมาตรา 253 วรรคสองดังกล่าว บัญญัติให้ศาลกำหนดจำนวนเงินที่จะให้โจทก์วางประกันรวมตลอดทั้งระยะเวลาและเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรจึงไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนอีกเช่นกัน ศาลชอบที่จะกำหนดจำนวนเงินประกันไปตามที่เห็นสมควร โดยคำนึงถึงความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 และอัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.
จำนวนเงินที่ศาลจะสั่งให้โจทก์วางประกันนั้น ตามมาตรา 253 วรรคสองดังกล่าว บัญญัติให้ศาลกำหนดจำนวนเงินที่จะให้โจทก์วางประกันรวมตลอดทั้งระยะเวลาและเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรจึงไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนอีกเช่นกัน ศาลชอบที่จะกำหนดจำนวนเงินประกันไปตามที่เห็นสมควร โดยคำนึงถึงความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 และอัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.