พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยเจตนาและเหตุผลในการกระทำ: บันดาลโทสะ vs. ปกปิดความผิด
ตอนแรกจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตี ก. เพราะถูก ก. ดุ ด่า และทำร้ายร่างกาย แต่หลังจาก ก. ดุด่าและทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 1แล้ว ก. ได้เดินเข้าไปนั่งซ่อมโทรศัพท์อยู่ในห้อง จำเลยที่ 1เดินไปหาไม้ที่หลังบ้านมีช่วงเวลาที่จะคิดได้ว่าสมควรทำร้าย ก.หรือไม่ จำเลยที่ 1 หาไม่ได้แล้วเดินเข้าไปตี ก. ในขณะที่กำลังนั่งซ่อมโทรศัพท์อยู่ ก. ยังมีลมหายใจอยู่และส่งเสียงร้องจำเลยที่ 1 เกรงว่าเพื่อนบ้านจะได้ยินเสียงร้อง จึงใช้ผ้ารัดคอโดยแรงจนกระทั่งแน่นิ่งไปซึ่งเป็นการกระทำที่มีสาเหตุมาจากเกรงว่าเพื่อนบ้านจะได้ยินเสียงร้อง มิใช่เพราะสาเหตุถูกข่มเหงจึงมิใช่การกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 หลังจากจำเลยที่ 1 ฆ่า ก. แล้ว ขณะกำลังหาที่ซุกซ่อนศพและกลบเกลื่อนหลักฐานอยู่นั้น ส. บุตร ก. ได้เข้ามาเห็นสภาพภายในห้องที่เกิดเหตุซึ่งมีพิรุธผิดสังเกต จำเลยที่ 1เห็นเช่นนั้นก็ใช้ไม้ตี ส. เพื่อปกปิดความผิดฐานฆ่า ก.การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการฆ่า ส. เพื่อปกปิดความผิดอื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ จำเลยที่ 1 ใช้ไม้ตี ส.หลายทีเมื่อส. ยังไม่ตาย จึงใช้ผ้ารัดคออีกจนถึงแก่ความตาย เป็นวิธีธรรมดาในการฆ่าให้ถึงแก่ความตายไป มิใช่เป็นการฆ่าโดยทารุณโหดร้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันฆ่าโดยเจตนา แม้ไม่มีประจักษ์พยาน พยานหลักฐานอื่นประกอบเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำผิด
แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานมาสืบยืนยันว่า จำเลยที่ 3 ได้ ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย และคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ของจำเลยที่ 1 ที่กล่าวอ้างว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำผิดด้วยเป็น คำบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอื่นประกอบให้เห็นว่า คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เป็นความจริง และพยานหลักฐาน โจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 มีน้ำหนัก รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้ไม้ท่อนวิ่งไล่ตีผู้ตายเข้าไปในสวนยางจนผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 3 จึง มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฉ้อโกง, เอกสารไม่สมบูรณ์ไม่เป็นเอกสารสิทธิปลอม, เจตนาใช้เอกสารปลอมเป็นรายกรรม, สามีภริยาไม่ได้หมายความว่ารู้เห็นผิดด้วยกัน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกง รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่ก่อนวันที่ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ทั้งบันทึกคำร้องทุกข์ก็ปรากฏว่าโจทก์ร้องทุกข์เมื่อเกิน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ในคำขอกู้เงินกรอกข้อความไว้แต่เพียงชื่อตัว ชื่อสกุล สังกัดอำเภอ และลายมือชื่อเท่านั้น มิได้กรอกข้อความจำนวนเงินที่ขอกู้ ในหนังสือกู้เงินก็มีเพียงลายมือชื่อผู้กู้ มิได้กรอกจำนวนเงินที่ขอกู้ และในใบมอบฉันทะก็มีเพียงลายมือชื่อผู้มอบฉันทะเท่านั้นมิได้กรอกข้อความว่ามอบฉันทะให้ผู้ใด จึงเป็นเอกสารที่ข้อความยังไม่สมบูรณ์ มิใช่เอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลงโอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ ผู้ใช้เอกสารดังกล่าวจึงไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม การที่จำเลยที่ 2 ใช้เอกสารปลอมแต่ละชุดต่างหากจากกันเพื่อหลอกเอาเงินจากโจทก์ 9 ครั้ง ต่างวันเวลากันนั้น เป็นการมีเจตนาใช้เอกสารปลอมเพื่อหลอกเอาเงินจากโจทก์เป็นรายครั้ง จึงเป็นความผิด 9 กรรมต่างกัน แม้จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากันก็ตาม ก็มิใช่เหตุแสดงว่าจำเลยที่ 1 รู้เห็นกับจำเลยที่ 2 ทุกกรณี เมื่อพยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้แน่ชัดว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนากระทำผิดฐานใช้เอกสารปลอม จึงลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมแปลงและใช้เช็คปลอม: การกระทำเป็นความผิดต่างกรรม
จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็คของโจทก์ร่วมไปให้จำเลยที่ 1 กรอกรายการและลงลายมือชื่อปลอมของโจทก์ร่วมเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค โดยจำเลยที่ 2 นำสำเนาภาพถ่ายเช็คที่มีลายมือชื่อของโจทก์ร่วมไปให้จำเลยที่ 1 หัดปลอม หลังจากปลอมเช็คแล้วจำเลยที่ 2 ได้พาจำเลยที่ 1 ไปที่ธนาคารเพื่อเบิกเงิน เมื่อเบิกเงินได้แล้วจำเลยที่ 2 ได้เตรียมรถแท็กซี่รออยู่และพากันกลับด้วยกัน การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ปลอมเช็คและใช้เช็คปลอม
การที่จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็ค แล้วปลอมเช็คและใช้เช็คปลอมดังกล่าวเห็นได้ว่ามีเจตนาแยกต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน
การที่จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็ค แล้วปลอมเช็คและใช้เช็คปลอมดังกล่าวเห็นได้ว่ามีเจตนาแยกต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่างกรรมกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม: การกระทำความผิดต่างกรรมกัน
จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็คของโจทก์ร่วมไปให้จำเลยที่ 1กรอกวันที่ จำนวนเงิน และลงลายมือชื่อปลอมของโจทก์ร่วมเป็นผู้สั่งจ่ายลงในแบบพิมพ์เช็คดังกล่าว โดยจำเลยที่ 2 นำสำเนาภาพถ่ายเช็คที่มีลายมือชื่อโจทก์ร่วมให้จำเลยที่ 1 หัดปลอมลายมือชื่อโจทก์ร่วมก่อนหลังจากปลอมเช็คแล้วจำเลยที่ 2 ได้พาจำเลยที่ 1ไปที่ธนาคารเพื่อเบิกเงินเมื่อเบิกเงินได้แล้วจำเลยที่ 2 ได้เตรียมรถแท็กซี่รออยู่และพากันกลับด้วยกัน จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม จำเลยที่ 2 ลักแบบพิมพ์เช็ค แล้วปลอมเช็คและใช้เช็คปลอมดังกล่าว มีเจตนาแยกต่างหากจากกันได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นความผิดต่างกรรมกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาเรื่องบันดาลโทสะและเจตนาในการกระทำความผิด
จำเลยฟันโจทก์ร่วมอ้างว่าบันดาลโทสะเพราะโจทก์ร่วมกล่าวหาว่าลักมะพร้าว และด่าว่าจำเลย แต่จำเลยมิได้นำสืบให้เห็นว่าโจทก์ร่วมด่าว่าอย่างไรอันจะเป็นถ้อยคำรุนแรงจนเป็นเหตุให้ถึงกับบันดาลโทสะและจำเลยอ้างว่าที่ใช้มีดฟันโจทก์ร่วมเพราะโจทก์ร่วมจะทำร้ายจำเลยมิใช่จำเลยฟันโจทก์ร่วมเพราะบันดาลโทสะ การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เพราะบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความรุนแรงบาดแผลและเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยฟันโจทก์ร่วม 2 ที โดยใช้มีดพร้าที่มีใบมีดยาวประมาณ 1 ศอก และด้ามยาวแขนเศษ แต่จำเลยฟันโดยโจทก์ร่วมมิได้ป้องกันหรือขัดขวางแต่อย่างใดเป็นโอกาสที่จำเลยจะเลือกฟันตามถนัด แม้บาดแผลที่เกิดขึ้นจะยาวหลายเซนติเมตร แต่เป็นการเกิดขึ้นจากความยาวของคมมีดพร้า บาดแผลที่บริเวณหูขวาและที่หน้าผากเหนือคิ้วซ้ายลึก 1/4 และ 1/2 เซนติเมตรตามลำดับสามารถรักษาให้หายภายใน 7 วัน แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้ฟันโจทก์ร่วมอย่างรุนแรง พฤติการณ์เช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการจำนองเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ไม่มีประกันในคดีล้มละลาย โดยมีเจตนาให้เจ้าหนี้รายหนึ่งได้เปรียบ
มีเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ 5 รายรวมเป็นเงินสิบเอ็ด ล้านบาท แต่ลูกหนี้มีที่ดินและทรัพย์สินราคาประมาณแปดล้านบาท แสดงว่า ทรัพย์สินของลูกหนี้มีไม่พอชำระหนี้รายอื่น นอกจากขายของผู้คัดค้าน การที่ลูกหนี้จำนองที่ดินแก่ผู้คัดค้านทำให้เป็นเจ้าหนี้มีประกัน มีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันที่จะได้รับชำระหนี้ก่อน เจ้าหนี้ไม่มีประกันรายอื่น ต้องถือว่าเป็นการกระทำโดยมุ่งหมาย ให้เจ้าหนี้รายผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้รายอื่น ๆ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจขอ ให้ศาลเพิกถอนการ จดทะเบียนจำนองที่ดินได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเงินกู้ที่ไม่สมบูรณ์และข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วน การพิจารณาเจตนาที่แท้จริงของสัญญา
จำเลยชอบที่จะนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่า สัญญากู้ไม่มีผลผูกพันเพราะโจทก์จำเลยทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานคุ้มครองเงินของโจทก์ ที่นำไปช่วยลงทุนค้าขายน้ำแข็งก้อนกับจำเลยได้ไม่เป็นการสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างเมื่อได้นำสัญญากู้มาแสดงแล้วว่ายังมีข้อความเพิ่มเติม ตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาอยู่อีก ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 เพราะเป็นการนำสืบว่าสัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์นั่นเอง และเมื่อทางพิจารณารับฟังได้ว่าโจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันเปิดกิจการค้าน้ำแข็งก้อน สัญญากู้เป็นเพียงหลักฐานคุ้มครองเงินของโจทก์ที่นำไปร่วมลงทุนค้าน้ำแข็งก้อนกับจำเลยเท่านั้น กรณีก็มิใช่เป็นการกู้ยืมดังฟ้องโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดิน: พฤติการณ์หลีกเลี่ยงการชี้แนวเขต และประวัติการบุกรุกเดิมบ่งชี้เจตนา
โจทก์ร่วมนำพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินและพนักงานสอบสวน ไปทำการรังวัดสอบเขต จำเลยที่ 1 มีพิรุธไม่กล้าที่จะนำชี้แสดง แนวเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่อ้างว่าเป็นที่ดินได้รับยกให้จาก บ.ให้ปรากฏแน่ชัดได้ แสดงว่าจำเลยที่ 1 จะต้องทราบดีว่าที่ดินส่วนนี้เป็นของโจทก์ร่วม ทั้งยังปรากฏว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เคยบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วมมาก่อน และศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ไปแล้วจึงเป็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนา ที่จะบุกรุกที่ดินของโจทก์ร่วมอีก.