คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โมฆะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,314 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประมงและการยินยอมให้เข้าทำประโยชน์ แม้มิได้ทำสัญญาตามแบบ ไม่ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ
ในเรื่องการประมูลผูกขาดการทำประมงมีกฎกระทรวงเกษตรฯ วางระเบียบว่าเมื่อชี้ขาดให้ผู้ใดได้รับประมูลแล้ว ก็ให้เรียกผู้นั้นมาชำระเงินและดำเนินการออกประทานบัตรตามแบบพิมพ์ ปรากฎว่าจำเลยประมูลได้และวางเงินมัดจำไว้ 10 % แล้วจำเลยไม่มาทำสัญญาตามแบบพิมพ์ และเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ออกประทานบัตรให้ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ได้ยินยอมอนุญาตให้จำเลยเข้าทำประมงตามที่ประมูลได้นั้นและจำเลยเข้าทำ ก็ถือว่ามีสัญญาต่อกันแล้ว การไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่วางไว้ไม่ได้ทำให้สัญญาเป็นโมฆะหรือฟ้องร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนบริษัท: การมอบอำนาจหลังยื่นฟ้องเป็นโมฆะ แม้มีการให้สัตยาบัน
ในคดีแพ่ง ศาลจำจะต้องพิจารณาวินิจฉัยเฉพาะแต่ในข้อประเด็นที่คู่ความอ้างอิงยกขึ้นเป็นสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอันปรากฏตามฟ้องและคำให้การเท่านั้น
ตามฟ้อง โจทก์กล่าวอ้างว่า นายฟูจิโอ ผู้จัดการสาขาในประเทศไทย ได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีในนามบริษัทโจทก์ในญี่ปุ่นได้ โดยมีหนังสือมอบอำนาจเป็นหลักฐาน จะได้อ้างส่งศาลวันพิจารณา นายฟูจิโอมิได้อ้างว่าตนเป็นตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไปและมีกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันความเสียหายของบริษัทโจทก์แต่อย่างไรเลย ต่อมาภายหลังที่จำเลยให้การตัดฟ้องและร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 แล้วทนายโจทก์จะอ้างหนังสือมอบอำนาจของบริษัทโจทก์ซึ่งเพิ่งมอบอำนาจขึ้นภายหลังวันที่นายฟูจิโอแต่งทนายยื่นฟ้องศาลแล้ว 9 วันมาเพื่อแสดงว่านายฟูจิโอมีอำนาจแต่งทนายยื่นฟ้องแทนบริษัทโจทก์หาได้ไม่ และกรณีเช่นว่านี้หาเป็นกรณีฉุกเฉินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 802 ไม่ เพราะการรู้ว่าบริษัทจะต้องเสียหายด้วยการเสียภาษีนั้น สาขาบริษัทได้รู้นับแต่วันรับแจ้งการประเมินแล้ว มีเวลาเพียงพอตามประมวลรัษฎากรที่จะจัดการให้ได้รับมอบอำนาจให้กระทำการยื่นฟ้องต่อศาลได้ถ้าบริษัทโจทก์เห็นว่าการเรียกเก็บภาษีไม่ถูกต้องและติดใจจะยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อการอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรไม่สำเร็จ
การที่นายฟูจิโอแต่งทนายยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว 9 วัน บริษัทโจทก์จึงได้ทำการมอบอำนาจให้นายฟูจิโอทำการยื่นฟ้องต่อศาลแทนบริษัทได้ ทั้งได้ให้สัตยาบันการกระทำที่แล้วมานั้นด้วย ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องอันชอบด้วยวิธีพิจารณา เพราะเมื่อนายฟูจิโอไม่มีอำนาจแต่งทนายยื่นฟ้องแทนบริษัทในเวลาที่ยื่นฟ้องนั้นแล้วฟ้องของโจทก์ก็ไม่เป็นฟ้องอันชอบด้วยวิธีพิจารณามาแต่แรก ไม่มีทางใดๆ ที่ศาลจะรับฟ้องไว้พิจารณามาแต่ต้น แม้จะได้มีการรับรองหรือให้สัตยาบันในภายหลังต่อมา ก็หากระทำให้ฟ้องที่เสียใช้ไม่ได้แล้วนั้นกลับคืนดีมาเป็นฟ้องอันชอบด้วยวิธีพิจารณาในภายหลังได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 723-724/2502 ซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับมรดกเซ็นพินัยกรรมในฐานะผู้รับมอบ ไม่ใช่พยาน พินัยกรรมยังใช้ได้
ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมได้เซ็นชื่อในพินัยกรรมในฐานะเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรม มิใช่ในฐานะพยาน แม้ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมจะได้รู้เห็นว่าทำพินัยกรรมก็ตาม ก็ไม่ทำให้พินัยกรรมเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสที่จดทะเบียนแล้วมีผลสมบูรณ์จนกว่าศาลพิพากษาเป็นอื่น แม้มีการได้เสียกับผู้อื่นภายหลัง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1488 หมายความว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่า การสมรสเป็นโมฆะหรือโมฆียะ การสมรสที่จดทะเบียนแล้วย่อมสมบูรณ์อยู่เสมอ ส่วนมาตรา 1445(3)(4) เป็นแต่เพียงเหตุที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าการสมรสที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นโมฆะหาใช่เหตุที่แสดงในตัวเองว่า การสมรสเป็นโมฆะไม่
โจทก์เป็นภริยาของนายถนอมอยู่ตั้งแต่พ.ศ.2480 โดยจดทะเบียนสมรสกันแม้ต่อมานายถนอมจะได้ตายไป แล้วโจทก์มาได้เสียกับนายธรรมอีก ภายหลังใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ5 แล้ว การได้เสียกันดังนี้ ไม่ทำให้โจทก์เป็นภริยานายธรรม โจทก์จึงไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายธรรมในเวลาที่นายธรรมถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบข้อตกลงนอกสัญญาเช่าไม่ขัด ป.วิ.พ.ม.94 แม้ไม่มีข้อความรับเงินในสัญญาเช่า และการชำระเงินนอกสัญญาไม่เป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องอ้างว่า จำเลยยังไม่ได้ชำระค่าเช่าตามหนังสือเช่า จำเลยต่อสู้ว่าเงินที่ชำระไปแล้ว เป็นเงินที่ชำระตามหนังสือสัญญาเช่า ไปแล้ว เป็นเงินที่ชำระตามหนังสือสัญญาเช่า เมื่อในหนังสือสัญญาเช่าไม่มีข้อความว่าได้รับเงินกันตามหนังสือสัญญาก่อนแล้ว โจทก์ย่อมนำสืบแสดงได้ว่า เงินที่จำเลยอ้างว่า ชำระตามหนังสือสัญญาเช่านั้น ความจริงมิใช่เงินที่ชำระตามหนังสือสัญญาเช่า แต่เป็นเงินที่ชำระกันตามข้อตกลงนอกหนังสือสัญญาเช่า การนำสืบดังกล่าวนี้เป็นการนำสืบถึงว่า เงินที่จำเลยเคยชำระให้โจทก์เป็นเงินชำระตามหนังสือสัญญาเช่านี้หรือไม่ มิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมหนังสือสัญญาเช่า และมิใช่เป็นการสืบว่าเงินรายที่โจทก์เรียกร้องจากจำเลยเป็นเงินรายที่โจทก์เรียกร้องจากจำเลยเป็นเงินที่จำเลยสัญญาจะชำระนอกเหนือไปจากหนังสือสัญญาเช่า การนำสืบของโจทก์ดังนี้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94
กรณีเรื่องเช่าทรัพย์ ผู้เช่ากับผู้ให้เช่าอาจชำระเงินต่อกันนอกไปจากหนังสือสัญญาเช่าก็ได้ หรือจะชำระเงินต่อกันโดยไม่ทำหนังสือเช่าก็ได้ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงตัดสิทธิฟ้องร้องเป็นโมฆะ หนี้เกิดแล้วฟ้องได้ แม้มีข้อตกลงอนุญาโตตุลาการ
เมื่อมีหนี้จะต้องรับผิดเกิดขึ้นแล้ว คู่กรณีย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลได้ การตกลงตัดสิทธิไม่ให้นำคดีมาสู่ศาลย่อมเป็นโมฆะ ข้อตกลงเช่นนี้ไม่มีผล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงตัดสิทธิการฟ้องร้องเป็นโมฆะ สัญญาอนุญาโตตุลาการไม่ตัดสิทธิฟ้อง
เมื่อมีหนี้จะต้องรับผิดเกิดขึ้นแล้วคู่กรณีย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องศาลได้ การตกลงตัดสิทธิไม่ให้นำคดีมาสู่ศาลย่อมเป็นโมฆะ ข้อตกลงเช่นนี้ไม่มีผล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันโมฆะเนื่องจากขาดพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ค้ำประกัน
สำเนาสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ส่งพร้อมฟ้อง มีลายมือชื่อผู้ค้ำประกัน ผู้ให้กู้ และลายมือชื่อ ผู้เขียนสัญญาและพยาน ตามต้นสัญญาค้ำประกันที่โจทก์อ้างและส่งศาลมีลายพิมพ์นิ้วมือและเขียนบอกชื่อผู้ค้ำประกันกับมีพยานลงชื่อไว้ 3 คนซึ่งโจทก์ไม่ได้อ้างพยานเหล่านั้นเป็นพยาน แต่กลับนำพยานอื่นมาสืบว่าผู้ค้ำประกันลงลายพิมพ์นิ้วมือไว้ โดยมีพยาน 3 คนลงชื่อไว้ กับมีพยานอีกคนหนึ่งลงลายมือชื่อไว้ในฐานะผู้เขียนสัญญาแต่อย่างเดียว หาได้มีฐานะเป็นพยานด้วยไม่ ส่วนลายมือชื่อผู้ให้กู้ไม่มีดังนี้ ถือว่าโจทก์นำสืบขัดแย้งกับฟ้องของตนเพราะสำเนาสัญญาค้ำประกันเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง และต้องฟังว่า สัญญาค้ำประกันอันเป็นหลักฐานฟ้องผู้ค้ำประกันไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ค้ำประกันตามบทบัญญัติมาตรา 9 ป.พ.พ. มีผลเท่ากับผู้ค้ำประกันมิได้ลงลายมือชื่อไว้ ไม่เป็นหลักฐานที่โจทก์จะนำมาฟ้องได้ตาม มาตรา 680 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันไม่เป็นโมฆะ แม้มีการดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติมจากเจตนาร้องทุกข์เดิม ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดตามสัญญา
โจทก์เจตนาแจ้งข้อหาในเรื่องฉ้อโกงเงินของโจทก์อันเป็นความผิดต่อส่วนตัว แต่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง แจ้งความเท็จ และทำผิดกฎหมายหุ้นส่วนด้วย จำเลยเข้ามาทำสัญญากับโจทก์ว่า ถ้าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แล้ว จำเลยยอมค้ำประกันจำนวนเงินรายนี้ ครั้นโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แม้คดีคงระงับเฉพาะข้อหาฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวเท่านั้น จำเลยก็ยังคงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันนั้นเพราะการที่ข้อหาในคดีอาญาแผ่นดินยังดำเนินกันอยู่นั้น ไม่เกี่ยวแก่โจทก์ สัญญาค้ำประกันเช่นว่านี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
ในสัญญาค้ำประกันมีว่า จำเลยผู้ค้ำประกันยอมสละไม่ยกข้อต่อสู้ที่จะให้โจทก์บังคับเอาจากทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ก่อน ฉะนั้นเมื่อบริษัทลูกหนี้ล้มละลาย แม้โจทก์จะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้ชำระหนี้ที่ค้ำประกันไว้ หากโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่าใด จำเลยผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องชำระในจำนวนนั้นอีก หาใช่โจทก์จะมีสิทธิได้รับจำนวนเงินเป็น 2 ซ้ำไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผ่อนเวลาหนี้ตั๋วแลกเงินทำให้ผู้สั่งจ่ายพ้นความรับผิด และหนังสือรับสภาพหนี้เป็นโมฆะ
ผู้ทรงตั๋วแลกเงินไปยอมผ่อนเวลาการจ่ายเงินให้แก่ผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินโดยมิได้ตกลงกับผู้สั่งจ่ายเสียก่อน ผู้ทรงตั๋วนั้นย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ย และผู้สั่งจ่ายก็พ้นจากความรับผิดอย่างใด ๆ ตามกฎหมายต่อผู้ทรง
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ถ้าผู้สั่งจ่ายยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่ผู้ทรง ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม เพราะขณะนั้นไม่มีหนี้อะไรเหลืออยู่แล้วแม้หนี้เดิมตาม ป.พ.พ.มาตรา 1005 ก็ไม่ต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้นั้นจึงเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ.มาตรา 119
of 132