พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,733 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1809-1810/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู: บิดามีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูแทนบุตรได้ แม้ไม่ได้รับมอบอำนาจ
ค่าอุปการะเลี้ยงดูที่บุตรมีต่อบิดามารดานั้น เป็นหนี้ที่จะแบ่งกันชำระมิได้ เมื่อบิดาฟ้องจำเลยที่ทำละเมิดต่อบุตรถึงตาย เรียกค่าขาดไร้อุปการะย่อมมีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ทั้งหมดเพื่อประโยชน์แก่ภริยาซึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วยแม้บิดามิได้รับมอบอำนาจจากมารดาให้ฟ้องก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกคืนทรัพย์เช่าซื้อ: ไม่ใช่ค่าเช่า แต่เป็นสิทธิติดตามทรัพย์สิน 10 ปี
สิทธิเรียกร้องของผู้ให้เช่าซื้อในการติดตามเอาทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อคืน ไม่ใช่เรื่องที่บุคคลจำพวกที่ค้าในการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เรียกเอาค่าเช่าซึ่งมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(6) หากแต่เป็นเรื่องที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่นจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่าย: ผู้ทรงคนหลังมีสิทธิเรียกร้อง แม้ผู้สั่งจ่ายจะโต้แย้งการโอนเช็ค และการลงวันออกเช็คไม่สมบูรณ์ไม่ทำให้ฟ้องขาดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา910 วรรคสุดท้าย บัญญัติไว้ความว่า ถ้าตั๋วเงินมิได้ลงวันออกตั๋วผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นจำเลยผู้สั่งจ่าย หรือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดเป็นผู้ลงวันออกเช็คพิพาทก็ไม่ทำให้ความสมบูรณ์ของเช็คเสียไปคดีไม่จำต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้ลงวันออกเช็คด้วยตนเองหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อและการประกันภัย: การใช้สิทธิโดยสุจริต แม้เวลาผ่านไป
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ผู้เช่าซื้อคือจำเลยที่ 1 ต้องประกันภัยรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปจากโจทก์ และเสียค่าเบี้ยประกันภัย โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ จำเลยที่ 1 จึงได้เอาประกันภัยรถพิพาทไว้กับบริษัทประกันภัย ต่อมาระหว่างชำระค่าเช่าซื้อไม่เสร็จ เช่นนี้ ตามสัญญาเช่าซื้อมีว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อการสูญหายและเสียหายทุกชนิดอันเกิดขึ้นแก่รถยนต์ที่เช่าซื้อ เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อไปเกิดสูญหายขึ้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญาใช้ราคารถยนต์ได้โดยตรง และที่ข้อสัญญาที่ให้ผู้เช่าซื้อต้องประกันภัยและเสียเบี้ยประกันภัยดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นการที่ตกลงกันเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกคือโจทก์ ให้ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการสูญหายของรถยนต์ได้จากบริษัทประกันภัยอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งสิทธิของโจทก์จะเกิดมีขึ้นก็ต่อเมื่อได้แสดงเจตนาแก่บริษัทประกันภัยว่า จะถือเอาประโยชน์จากสัญญา และบริษัทประกันภัยก็อาจยกข้อต่อสู้อันเกิดแต่สัญญาประกันภัยที่มีต่อจำเลยที่ 1 ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 376 การที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย แต่ได้เรียกร้องต่อจำเลยที่ 1 โดยตรงแม้จะเป็นเวลาภายหลังที่รถยนต์ได้หายไปแล้วเป็นเวลาถึง 3 ปี ก็หาใช่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อและการประกันภัย: การใช้สิทธิโดยสุจริตแม้เวลาผ่านไป
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ผู้เช่าซื้อคือจำเลยที่ 1 ต้องประกันภัยรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปจากโจทก์ และเสียเบี้ยประกันภัย โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ จำเลยที่ 1 จึงได้เอาประกันภัยรถพิพาทไว้กับบริษัทประกันภัย ต่อมาระหว่างชำระค่าเช่าซื้อไม่เสร็จ เช่นนี้ตามสัญญาเช่าซื้อมีว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อการสูญหายและเสียหายทุกชนิดอันเกิดขึ้นแก่รถยนต์ที่เช่าซื้อ เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อไปเกิดสูญหายขึ้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญาใช้ราคารถยนต์ได้โดยตรงและที่ข้อสัญญาที่ให้ผู้เช่าซื้อต้องประกันภัยและเสียเบี้ยประกันภัยดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นการที่ตกลงกันเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกคือโจทก์ ให้ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการสูญหายของรถยนต์ได้จากบริษัทประกันภัยอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งสิทธิของโจทก์จะเกิดมีขึ้นก็ต่อเมื่อได้แสดงเจตนาแก่บริษัทประกันภัยว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญา และบริษัทประกันภัยก็อาจยกข้อต่อสู้อันเกิดแต่สัญญาประกันภัยที่มีต่อจำเลยที่ 1 ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 376. การที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยแต่ได้เรียกร้องต่อจำเลยที่ 1 โดยตรงแม้จะเป็นเวลาภายหลังที่รถยนต์ได้หายไปแล้วเป็นเวลาถึง 3 ปี ก็หาใช่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้ขอไถ่ทรัพย์ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้มีสิทธิไถ่ตามกฎหมาย
เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ในนามตนเองแทนลูกหนี้โดยฟ้องคดีขอไถ่ทรัพย์ที่ลูกหนี้ขายฝากไว้ เมื่อพ้นกำหนดเวลาไถ่แล้วไม่ได้ เพราะลูกหนี้ไม่มีสิทธิไถ่คืนแล้ว
การที่ก่อนครบกำหนดไถ่ทรัพย์คืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้มีหนังสือแจ้งขอสวมสิทธิไถ่ทรัพย์แทนผู้ขายฝากซึ่งเป็นลูกหนี้นั้น ถือไม่ได้ว่าผู้มีสิทธิในการไถ่ทรัพย์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืน เพราะโจทก์เป็นเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้เท่านั้น ไม่ใช่บุคคลผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 497
การที่ก่อนครบกำหนดไถ่ทรัพย์คืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้มีหนังสือแจ้งขอสวมสิทธิไถ่ทรัพย์แทนผู้ขายฝากซึ่งเป็นลูกหนี้นั้น ถือไม่ได้ว่าผู้มีสิทธิในการไถ่ทรัพย์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืน เพราะโจทก์เป็นเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้เท่านั้น ไม่ใช่บุคคลผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 497
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้องขอไถ่ทรัพย์แทนลูกหนี้ไม่ได้ หากพ้นกำหนดไถ่แล้ว ผู้มีสิทธิไถ่ต้องเป็นผู้ขายเดิมหรือผู้รับโอนสิทธิเท่านั้น
เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ในนามตนเองแทนลูกหนี้โดยฟ้องคดีขอไถ่ทรัพย์ที่ลูกหนี้ขายฝากไว้ เมื่อพ้นกำหนดเวลาไถ่แล้วไม่ได้ เพราะลูกหนี้ไม่มีสิทธิไถ่คืนแล้ว
การที่ก่อนครบกำหนดไถ่ทรัพย์คืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้มีหนังสือแจ้งขอสวมสิทธิไถ่ทรัพย์แทนผู้ขายฝากซึ่งเป็นลูกหนี้นั้น ถือไม่ได้ว่าผู้มีสิทธิในการไถ่ทรัพย์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืน เพราะโจทก์เป็นเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้เท่านั้น ไม่ใช่บุคคลผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 497
การที่ก่อนครบกำหนดไถ่ทรัพย์คืน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้มีหนังสือแจ้งขอสวมสิทธิไถ่ทรัพย์แทนผู้ขายฝากซึ่งเป็นลูกหนี้นั้น ถือไม่ได้ว่าผู้มีสิทธิในการไถ่ทรัพย์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ทรัพย์ที่ขายฝากคืน เพราะโจทก์เป็นเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้เท่านั้น ไม่ใช่บุคคลผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 497
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกค่าเลี้ยงชีพหลังหย่าต้องฟ้องในคดีหย่าหรือฟ้องแย้งในคดีหย่านั้นเท่านั้น หากตกลงหย่าโดยความยินยอมและไม่มีข้อตกลงเรื่องค่าเลี้ยงชีพ ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องในภายหลัง
บทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 เดิมถูกยกเลิกไปแล้วโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5ที่ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2519 มาตรา 3 ขณะฟ้องคดีนี้เป็นเวลาที่ใช้บรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ การเรียกค่าเลี้ยงชีพต้องบังคับตามบทบัญญัติบรรพ 5 ที่ตรวจชำระใหม่ มาตรา 1526 ซึ่งจะเรียกได้ก็ต่อเมื่อมีคดีหย่าและจะต้องฟ้องหรือฟ้องแย้งเรียกมาในคดีหย่านั้นและศาลจะสั่งให้ได้ก็ต่อเมื่อปรากฏว่าเหตุแห่งการหย่านั้นเป็นความผิดของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียวกรณีคดีนี้โจทก์จำเลยได้ตกลงหย่ากันเองและจดทะเบียนหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายโดยไม่มีคดีฟ้องหย่าต่อศาลจึงไม่มีกรณีที่จะถือได้ว่าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของฝ่ายใด เมื่อมิได้ตกลงกันไว้ในเรื่องค่าเลี้ยงชีพย่อมไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะมาเรียกค่าเลี้ยงชีพจากกันภายหลังหย่ากันแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องค่าโฆษณา: สถานีวิทยุของรัฐที่หารายได้จากการโฆษณา เข้าข่ายผู้ค้า ต้องใช้ อายุความ 2 ปี
สถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพเรือโจทก์หารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายของสถานีวิทยุ โดยรับทำการโฆษณาข้อความหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เป็นปกติธุระ ค่าโฆษณามีอัตรากำหนดไว้ให้ชำระเป็นรายเดือน เงินค่าโฆษณามิได้นำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน ดังนี้ ถือว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ คือการโฆษณาข้อความหรือผลิตภัณฑ์ของผู้อื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (7) สิทธิเรียกร้องเอาเงินสินจ้างค่าโฆษณาของโจทก์จึงมีอายุความสองปี และแม้การสื่อสารเป็นราชการ กองทัพเรือซึ่งมีหน้าที่เตรียมกำลังและป้องกันราชอาณาจักร ก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้นำอายุความสิบปีมาใช้บังคับได้ เพราะสิทธิเรียกร้องของรัฐบาลเพื่อหนี้อย่างอื่นต้องบังคับตามบทบัญญัติอายุความในเรื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะดังที่บัญญัติไว้มาตรา 167
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานีวิทยุของกองทัพเรือรับจ้างโฆษณา ถือเป็นผู้ค้า อายุความสิทธิเรียกร้อง 2 ปี
สถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพเรือโจทก์หารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายของสถานีวิทยุ โดยรับทำการโฆษณาข้อความหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เป็นปกติธุระค่าโฆษณามีอัตรากำหนดไว้ให้ชำระเป็นรายเดือน เงินค่าโฆษณามิได้นำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน ดังนี้ ถือว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ คือการโฆษณาข้อความหรือผลิตภัณฑ์ของผู้อื่นดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) สิทธิเรียกร้องเอาเงินสินจ้างค่าโฆษณาของโจทก์จึงมีอายุความสองปี และแม้การสื่อสารเป็นราชการกองทัพเรือซึ่งมีหน้าที่เตรียมกำลังและป้องกันราชอาณาจักรก็ไม่เป็นเหตที่จะให้นำอายุความสิบปีมาใช้บังคับได้เพราะสิทธิเรียกร้องของรัฐบาลเพื่อหนี้อย่างอื่นต้องบังคับตามบทบัญญัติอายุความในเรื่องนั้น ๆ โดยเฉพาะดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 167