พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องแล้วฟ้องใหม่ไม่ถือเป็นประนีประนอม หากไม่มีหลักฐานการชำระหนี้ครบถ้วน การต่อสู้เรื่องปลดหนี้ต้องมีหลักฐาน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญากู้ เป็นเงิน 10,000 บาท แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนั้นเสีย โดยโจทก์บรรยายในคำร้องขอถอนฟ้องว่า "จำเลยได้มาขอความตกลงโดยยอมชำระหนี้ให้แล้วจึงหมดความจำเป็นที่จะดำเนินคดีต่อไป โจทก์จึงขอถอนฟ้อง" ครั้นเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยชำระเงินให้เพียง 8400 บาท ยังมิได้ชำระอีก 1600 บาท จึงขอให้ศาลบังคับ ดังนี้ จะถือว่าถ้อยคำที่โจทก์บรรยายมาในคำร้องขอถอนฟ้องเป็นการประณีประนอมไม่ได้ เพราะไม่มีความหมายว่า จำเลยได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแล้ว หรือว่าได้มีความตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมกันขึ้นแล้วหากจำเลยจะต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงยอมรับชำระหนี้เพียง 8400 บาท ก็เป็นเรื่อง ต่อสู้ขอปลดหนี้ ต้องบังคับตามมาตรา 340
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องแล้วฟ้องใหม่: ถ้อยคำในคำร้องไม่ใช่การประนีประนอมและจำเลยต้องมีหลักฐานการปลดหนี้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญากู้ เป็นเงิน 10,000 บาท แล้วโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนั้นเสีย โดยโจทก์บรรยายในคำร้องขอถอนฟ้องว่า "จำเลยได้มาขอความตกลงโดยยอมชำระหนี้ให้แล้วจึงหมดความจำเป็นที่จะดำเนินคดีต่อไป โจทก์จึงขอถอนฟ้อง" ครั้นเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยชำระเงินให้เพียง 8400 บาท ยังมิได้ชำระอีก 1600 บาท จึงขอให้ศาลบังคับ ดังนี้ จะถือว่าถ้อยคำที่โจทก์บรรยายมาในคำร้องขอถอนฟ้องเป็นการประณีประนอมไม่ได้เพราะไม่มีความหมายว่า จำเลยได้ชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นแล้ว หรือว่าได้มีความตกลงเป็นสัญญาประนีประนอมกันขึ้นแล้ว หากจำเลยจะต่อสู้ว่า โจทก์ตกลงยอมรับชำระหนี้เพียง 8400 บาทก็เป็นเรื่อง ต่อสู้ขอปลดหนี้ ต้องบังคับตามมาตรา 340
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้: ข้อความในสัญญาเป็นหลักฐานสำคัญ หากจำเลยอ้างต่างจากสัญญา ต้องมีหลักฐานสนับสนุน
สัญญากู้มีข้อความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กู้และได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว จำเลยจะนำสืบว่าความจริงจำเลยมิได้รับเงินไปแต่เป็นเรื่องเช่านาโจทก์ทำโจทก์เกรงจะไม่ได้ค่าเช่า จึงให้จำเลยทำเป็นสัญญากู้เงิน นั้น นำสืบไม่ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 246/2485 และ 799/2493)
การดำเนินคดีในทางแพ่งนั้นเมื่อฝ่ายชนะคดีมิได้แต่งตั้งทนายว่าความ ศาลก็ไม่จำต้องพิพากษาให้ฝ่ายแพ้คดีใช้ค่าทนายแทน
การดำเนินคดีในทางแพ่งนั้นเมื่อฝ่ายชนะคดีมิได้แต่งตั้งทนายว่าความ ศาลก็ไม่จำต้องพิพากษาให้ฝ่ายแพ้คดีใช้ค่าทนายแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานพยานเท็จต้องเสียหายโดยตรงจากพยานหลักฐานนั้นก่อน จึงจะฟ้องได้
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา จำเลยสมคบกับพวกกระทำพยานหลักฐานเท็จ โดยจำเลยทำสัญญากู้เงินผู้อื่นแล้วให้ผู้อื่นมาฟ้องเรียกเงินกู้ต่อศาลและจำเลยยอมความยอมใช้เงินตามสัญญากู้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้เป็นหนี้สินตามสัญญากู้นั้นเลยดังนี้ เพียงเท่านี้ โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายอย่างใดย่อมไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานกระทำพยานหลักฐานเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 157 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้จากหนังสือรับรองและหลักฐานการชำระหนี้บางส่วน
จำเลยทำหนังสือรับรองไว้มีใจความว่า จำเลยได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลและโจทก์เป็นผู้ทำการผ่าตัด ค่าผ่าตัดนั้นตามบิลของโจทก์เป็นจำนวน 6500 แฟรงค์ และในวันที่ 29พฤษภาคม 2489 จำเลยได้ใช้หนี้แก่โจทก์ไปแล้ว 650แฟรงค์ ดังนี้ ถือได้ว่า จำเลยได้รับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความขัดแย้งของวันเกิดเหตุในฟ้องและหลักฐาน ทำให้ไม่สามารถลงโทษจำเลยได้
เอกสารที่โจทก์ส่งติดมาพร้อมกับฟ้องนั้น เป็นส่วนหนึ่งของฟ้องหมดทั้งฉบับ
ฟ้องหาว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 แต่ตามรายงานชันสูตรบาดแผลที่โจทก์ส่งพร้อมกับฟ้องปรากฏว่า ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลวันที่ 5 ดังนี้ย่อมขัดกันเองฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
ฟ้องหาว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 แต่ตามรายงานชันสูตรบาดแผลที่โจทก์ส่งพร้อมกับฟ้องปรากฏว่า ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลวันที่ 5 ดังนี้ย่อมขัดกันเองฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 686/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสัญญาเช่าที่ยังมิได้ปิดอากรแสตมป์แต่แรก สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้หากมีการปิดอากรแสตมป์และชำระค่าอากรเพิ่มเติม
เอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยานมิได้ปิดอากรแสมป์มาแต่แรก เมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว แต่ก่อนศาลพิพากษาจำเลยขอให้ศาลส่งไปให้เจ้าหน้าที่สรรพากรจัดการให้ถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปิดอากรแสตมป์และเรียกอากรเพิ่มแล้ว ดังนี้ ย่อมถือเป็นเอกสารที่ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์แล้วตามประมวลรัษฎากรมาตรา 117 จึงยอมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเช่าที่ตกลงกันได้, หลักฐานค่าเช่าจากคำให้การ, และอำนาจฟ้องแทนบุตร
ผู้เช่าเคยฟ้องผู้ให้เช่าหาว่าผู้ให้เช่านี้ขึ้นค่าเช่าผิดกฎหมายแต่ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า การขึ้นค่าเช่าเป็นด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ย่อมทำได้หาเป็นการผิดกฎหมายไม่ และปรากฎในคำให้การของผู้เช่าในคดีนั้นว่า ผู้เช่าได้ให้ค่าเช่าแก่ฝ่ายผู้ให้เช่าไปตามที่เรียกร้องแล้ว ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าคำให้การของผู้เช่าในคดีดังกล่าว เป็นหลักฐาน เป็นหนังสือที่ลงลายมือชื่อผู้เช่าตามที่กฎหมายต้องการแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมใช้เป็นหลักฐานฟ้องเรียกค่าเช่าจากผู้ให้เช่าได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานค่าเช่าจากคำให้การเดิม & อำนาจฟ้องแทนบุตร
ผู้เช่าเคยฟ้องผู้ให้เช่าหาว่าผู้ให้เช่าขึ้นค่าเช่าผิดกฎหมายแต่ศาลพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า การขึ้นค่าเช่าเป็นด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย ย่อมทำได้หาเป็นการผิดกฎหมายไม่ และปรากฏในคำให้การของผู้เช่าในคดีนั้นว่า ผู้เช่าได้ให้ค่าเช่าแก่ฝ่ายผู้ให้เช่าไปตามที่เรียกร้องแล้ว ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าคำให้การของผู้เช่าในคดีดังกล่าว เป็นหลักฐานเป็นหนังสือที่ลงลายมือชื่อผู้เช่าตามที่กฎหมายต้องการแล้ว ผู้ให้เช่าย่อมใช้เป็นหลักฐานฟ้องเรียกค่าเช่าจากผู้ให้เช่าได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้
บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร มีสิทธิที่จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากห้องเช่าของบุตรได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าปากเปล่ามีหลักฐานเป็นหนังสือได้
เช่านากันด้วยปากเปล่าภายหลัง เกิดพิพาทกันถึงอำเภอปลัดอำเภอได้เปรียบเทียบและบันทึกการเปรียบเทียบไว้ว่าผู้เช่าได้เช่านาจากผู้ให้เช่าเป็นอัตราค่าเช่าเท่านั้นเท่านี้จริง แล้วผู้เช่าได้ลงชื่อไว้ในบันทึกการเปรียบเทียบนั้น ดังนี้ย่อมถือได้ว่าบันทึกการเปรียบเทียบนั้น เป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538แล้ว ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องผู้เช่าให้ชำระค่าเช่าได้