พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่โต้แย้งคำสั่งศาลระหว่างพิจารณาทำให้เสียสิทธิอุทธรณ์ และการจำกัดขอบเขตฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อหาเดิม
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของจำเลยที่ให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว คดีนี้สภาพแห่งข้อหาของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยตามสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาจำนองที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยแต่ฟ้องแย้งของจำเลยในส่วนที่ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยกับบริษัทด. และสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยกับร. และก. เป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างขึ้นมาใหม่ไม่เกี่ยวกับสัญญากู้ยืมเงินและสัญญาจำนองที่ดินตามฟ้องทั้งเป็นคำฟ้องแย้งที่มีคำขอบังคับต่อบุคคลภายนอกจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมจึงรับฟ้องแย้งในส่วนนี้ของจำเลยไว้พิจารณาในคดีนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้จากการจำนองและการจำกัดสิทธิในการไถ่ถอนทรัพย์สินจำนองเมื่อมีการอุทธรณ์
โจทก์เพียงแต่อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่5รับผิดในหนี้ที่เหลือซึ่งเป็นหนี้สามัญนอกเหนือไปจากหนี้จำนองที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่5รับผิดในวงเงินต้น2,000,000บาทเท่านั้นโจทก์หาได้อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่5รับผิดในหนี้จำนองเพิ่มขึ้นไม่ดังนั้นหากโจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์แล้วก็ไม่อาจบังคับจำนองได้มากไปกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่5รับผิดในหนี้จำนองจึงไม่มีเหตุที่จะให้งดการไถ่ถอนทรัพย์จำนองของจำเลยที่5ไว้ในระหว่างอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมูลขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการไม่อุทธรณ์คำสั่งศาล
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2ไม่เกี่ยวกับคำสั่งศาลชั้นต้น ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2ฎีกาว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีผู้เข้าสู้ราคาคนเดียว ไม่มีคู่แข่งเข้าประมูลสู้ราคา และมิได้กระทำต่อหน้าจำเลยที่ 2 เป็นการขายทอดตลาดที่มิชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยที่ 2 จึงมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาไม่ชัดแจ้ง และเป็นฎีกาข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9151/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในชั้นร้องขัดทรัพย์และการอุทธรณ์ดุลพินิจเมื่อทุนทรัพย์น้อย
แม้มูลคดีและประเด็นแห่งคดีในชั้นร้องขัดทรัพย์กับคดีเดิมจะเป็นคนละเรื่องกัน แต่ปรากฏตามคำแถลงของผู้ร้องที่ขออนุญาตยื่นสำนวนคดีเดิมเป็นพยานและศาลชั้นต้นได้สั่งรับตามคำแถลงของผู้ร้องแล้ว ดังนี้ ถือได้ว่าพยานหลักฐานต่าง ๆ ในสำนวนคดีเดิมได้ถูกนำเข้าสู่สำนวนในชั้นร้องขัดทรัพย์แล้วการที่ศาลชั้นต้นรับฟังคำเบิกความของจำเลยซึ่งอยู่ในสำนวนคดีเดิมมาประกอบการวินิจฉัยชี้ขาดในชั้นร้องขัดทรัพย์ จึงหาใช่เป็นการรับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนไม่
ศาลชั้นต้นฟังว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องอุทธรณ์เป็นทำนองว่าพยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ดังนี้เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นร้องขัดทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงห้ามมิให้อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นฟังว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องอุทธรณ์เป็นทำนองว่าพยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ดังนี้เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นร้องขัดทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงห้ามมิให้อุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9151/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากคดีเดิมในชั้นร้องขัดทรัพย์และการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท
แม้มูลคดีและประเด็นแห่งคดีในชั้นร้องขัดทรัพย์กับคดีเดิมจะเป็นคนละเรื่องกัน แต่ปรากฏตามคำแถลงของผู้ร้องที่ขออนุญาตยื่นสำนวนคดีเดิมเป็นพยานและศาลชั้นต้นได้สั่งรับตามคำแถลงของผู้ร้องแล้ว ดังนี้ ถือได้ว่า พยานหลักฐานต่าง ๆ ในสำนวนคดีเดิมได้ถูกนำเข้าสู่สำนวนในชั้นร้องขัดทรัพย์แล้ว การที่ศาลชั้นต้นรับฟังคำเบิกความของจำเลยซึ่งอยู่ในสำนวนคดีเดิมมาประกอบการวินิจฉัยชี้ขาดในชั้นร้องขัดทรัพย์ จึงหาใช่เป็นการรับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนไม่
ศาลชั้นต้นฟังว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องอุทธรณ์เป็นทำนองว่าพยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ดังนี้เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นร้องขัดทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงห้ามมิให้อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นฟังว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องอุทธรณ์เป็นทำนองว่าพยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ดังนี้เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นร้องขัดทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท จึงห้ามมิให้อุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9088-9089/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระบวนการพิจารณาคดีไม่ชอบ ศาลไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้คู่ความ ทำให้สิทธิในการโต้แย้งถูกละเมิด การฎีกาจึงยังไม่สมบูรณ์
คดีนี้จำเลยที่3ได้เป็นโจทก์สำนวนหลังฟ้องขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยที่3เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยที่3แพ้คดีในสำนวนแรกและพิพากษายกฟ้องของจำเลยที่3ในสำนวนหลังจำเลยที่3ได้ยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นทั้งสองสำนวนโดยขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในสำนวนหลังให้โจทก์ที่2ซึ่งเป็นจำเลยที่2ในสำนวนหลังร่วมกับโจทก์ที่1รับผิดต่อจำเลยที่3ด้วยดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่3และจัดส่งสำเนาอุทธรณ์ให้เฉพาะโจทก์ที่1โดยไม่ได้มีการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ที่2ซึ่งเป็นจำเลยอุทธรณ์ด้วยเพื่อแก้จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา235และการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งอุทธรณ์ของจำเลยที่3พร้อมสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาและที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาไปโดยมิได้มีคำสั่งให้แก้ไขเกี่ยวกับกระบวนพิจารณาพิจารณาดังกล่าวเสียก่อนกับที่ศาลชั้นต้นไม่นัดให้โจทก์ที่2มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาคดีไปโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา243(2)ประกอบด้วยมาตรา247และต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่จำเลยที่3ฎีกาต่อมายังมิได้ผ่านการพิจารณาและพิพากษาของศาลอุทธรณ์จำเลยที่3จึงยังไม่มีสิทธิที่จะฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญาซื้อขายที่ดิน: ศาลต้องวินิจฉัยประเด็นสัญญาซื้อขาย ไม่ใช่เพียงขับไล่ และไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 224
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากโจทก์เนื้อที่ 25 ไร่ ราคา 175,000 บาทวางมัดจำ 80,000 บาท ส่วนที่เหลือจะชำระให้ในวันจดทะเบียน โอนที่ดิน เมื่อถึงกำหนดนัดจำเลยไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือ โจทก์จึงริบมัดจำและถือว่าสัญญาเลิกกัน ที่ดินที่จำเลยบุกรุก ประมาณ 10 ไร่ หากให้เช่าจะได้ค่าเช่าปีละ 12,000 บาท จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ผิดสัญญา เพราะไม่สามารถแบ่งแยกที่ดินให้แก่จำเลยตามสัญญาได้ ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์รังวัดแบ่งแยกที่ดินเนื้อที่ 25 ไร่และจดทะเบียนโอนที่ดินให้จำเลย หากไม่สามารถแบ่งแยกได้ให้โจทก์คืนเงินมัดจำ 80,000 บาท สภาพแห่งข้อหามิใช่คดีฟ้องขับไล่บุคคลใดออกจากอสังหาริมทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสองแต่เป็นคดีที่พิพาทกันตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินซึ่งราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์เกินกว่า50,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามมาตรา 224 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการยื่นอุทธรณ์: กรณีใบแต่งทนายความไม่ได้ระบุอำนาจ
โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยมีทนายความลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์แทนเมื่อใบแต่งทนายความไม่ได้ระบุให้ทนายความมีอำนาจอุทธรณ์ จึงเป็นกรณีที่ทนายความลงชื่อในอุทธรณ์โดยไม่มีอำนาจ อุทธรณ์ของโจทก์เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การยื่นอุทธรณ์ของทนายความมิใช่กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ศาลแรงงานจะมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วน หรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่งป.วิ.พ.ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 31 แต่เป็นกรณีที่ศาลแรงงานผู้ตรวจรับอุทธรณ์มีอำนาจที่จะสั่งให้โจทก์ทั้งสองแก้ไขอำนาจของทนายความผู้ยื่นอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา18 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 31 หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการยื่นอุทธรณ์ - การแก้ไข/ไม่อนุญาตแก้ไขกระบวนพิจารณา - ศาลแรงงาน
ทนายความของโจทก์ทั้งสองลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์แทนโดยไม่มีอำนาจอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองจึงไม่ชอบและมิใช่กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ศาลมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วนหรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯมาตรา31แต่เป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางผู้ตรวจรับอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้โจทก์ทั้งสองแก้ไขอำนาจของทนายความผู้ยื่นอุทธรณ์หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีกรณีที่ศาลแรงงานกลางจะต้องสั่งให้เพิกถอนหรือแก้ไขกระบวนพิจารณาใดๆอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความในการยื่นอุทธรณ์ – การแก้ไข/ไม่รับอุทธรณ์กรณีไม่มีอำนาจ
โจทก์ยื่นอุทธรณ์โดยมีทนายความลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์แทนเมื่อใบแต่งทนายความไม่ได้ระบุให้ทนายความมีอำนาจอุทธรณ์จึงเป็นกรณีที่ทนายความลงชื่อในอุทธรณ์โดยไม่มีอำนาจอุทธรณ์ของโจทก์เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายการยื่นอุทธรณ์ของทนายความมิใช่กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบที่ศาลแรงงานจะมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วนหรือสั่งแก้ไขหรือมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา27แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31แต่เป็นกรณีที่ศาลแรงงานผู้ตรวจรับอุทธรณ์มีอำนาจที่จะสั่งให้โจทก์ทั้งสองแก้ไขอำนาจของทนายความผู้ยื่นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา18ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31หรือมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง