คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแทงในขณะต่อสู้กอดปล้ำ ยังไม่พอพิสูจน์เจตนาฆ่า ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมแทงถูกผู้ตาย 1 ทีที่หน้าอกขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กอดปล้ำกัน ผู้ตายถึงแก่ความตาย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาและเหตุผลในการพิจารณาความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
ผู้ตายและจำเลยต่างเสพสุรามึนเมาแล้วเกิดท้าทายวิวาทกัน จำเลยเตะผู้ตายถูกตรงท้องน้อยขณะที่ผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลย เมื่อผู้ตายเซห่างออกไป จำเลยก็มิได้ตามไปเตะซ้ำ ครั้นเมื่อผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลย จำเลยจึงเตะซ้ำอีก การกระทำเช่นนั้นส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยได้ชัดว่ามิได้ตั้งใจจะฆ่าผู้ตาย ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยไม่มีเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายโดยไม่เจตนา: พิจารณาเจตนาจากพฤติการณ์
ผู้ตายและจำเลยต่างเสพสุรามึนเมาแล้วเกิดท้าทายวิวาทกัน
จำเลยเตะผู้ตายถูกตรงท้องน้อยขณะที่ผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลยเมื่อผู้ตายเซห่างออกไป จำเลยก็มิได้ตามไปเตะซ้ำครั้นเมื่อผู้ตายวิ่งเข้าไปหาจำเลย จำเลยจึงเตะซ้ำอีก การกระทำเช่นนั้นส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยได้ชัดว่ามิได้ตั้งใจจะฆ่าผู้ตายดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยไม่มีเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงหลายแผลระยะกระชั้นชิด และการเปลี่ยนข้อหาจากทำร้ายร่างกายเป็นพยายามฆ่า
ในขณะเมาสุรา จำเลยแทงผู้เสียหาย 5 แผล แต่ที่ลึกทะลุภายใน 3 แผล คือ ที่ชายโครงแถบซ้ายยาว 2.? เซนติเมตร กว้างครึ่งเซนติเมตร แผลบริเวณหน้าอกกว้างยาวเท่ากัน และที่หน้าท้องแถบขวา แผลยาว 3 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร อันเป็นแผลที่อยู่ในบริเวณหุ้มห่ออวัยวะภายในทั้งสิ้น มีดที่ใช้แทง ใบมีดยาว 6 นิ้ว กว้าง 4 เซนติเมตร แทงในระยะกระชั้นชิดติดกันอย่างเคียดแค้น แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คดีที่มีโทษจำคุกสูงกว่า 10 ปี เมื่อเริ่มพิจารณา ศาลสอบจำเลยเรื่องทนายความ จำเลยแถลงว่าจะหาทนายเอง ศาลถามคำให้การ จำเลยให้การปฏิเสธ จำเลยตั้งทนายเมื่อเริ่มสืบพยานโจทก์ แม้ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาเช่นนั้นก็ตาม ก็ยังไม่มีเหตุสมควรที่จะย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 208
พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาสอบสวนจำเลยในชั้นแรกฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ต่อมาแจ้งข้อหาใหม่เป็นพยายามฆ่าผู้เสียหาย ดังนี้ ย่อมทำได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการทำร้ายร่างกายผู้อื่นและการกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยเจตนา
บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดแทงนายเคนถูกที่หลัง และใช้มีดแทงนายประจิตถูกที่หน้าอก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297, 83 เพียงเท่านี้เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษเป็น 2 กระทง
การบรรยายฟ้องเช่นนี้ถือได้ว่า ได้แยกกระทงเรียงเป็นลำดับกันไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 160 แล้ว.
หมายเหตุ คดีนี้ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทำผิดต่างกรรมผิดกฎหมายหลายกระทง และทั้งไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนและร่วมทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัส ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดแทงนายเคนถูกที่หลัง และใช้มีดแทงนายประจิตถูกที่หน้าอกขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297,83เพียงเท่านี้เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษเป็น 2 กระทง
การบรรยายฟ้องเช่นนี้ถือได้ว่า ได้แยกกระทงเรียงเป็นลำดับกันไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 160แล้ว
หมายเหตุ คดีนี้ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ทำผิดต่างกรรมผิดกฎหมายหลายกระทงและทั้งไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความรุนแรงของการทำร้ายร่างกายจนถึงขั้นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(3) โดยพิจารณาจากผลกระทบต่อการใช้งานอวัยวะ
คำว่า อวัยวะอื่นใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(3)หมายถึง อวัยวะส่วนสำคัญ เช่น แขน ขา มือ เท้า นิ้วดังระบุไว้ในตอนต้น
ฟันทั้งหมดในปากรวมกันก็เป็นอวัยวะส่วนสำคัญ ถ้าฟันหักไปหลายซี่ เป็นเหตุให้ส่วนที่เหลืออยู่ใช้การไม่ได้ตามสภาพของฟัน เช่นเคี้ยวอาหารไม่ได้ไปแถบหนึ่งก็ถือได้ว่าเป็นการเสียอวัยวะส่วนสำคัญอันเป็นอันตรายสาหัสเพียงแต่ได้ความว่าฟันแท้บนด้านหน้าหักไป 3 ซี่จะถือว่าเป็นการเสียอวัยวะส่วนสำคัญยังมิได้เว้นแต่โจทก์จะนำสืบให้เห็นว่าเมื่อถูกทำร้ายแล้วผู้เสียหายใช้ฟันที่เหลืออยู่เคี้ยวอาหารไม่ได้ตามนัยที่กล่าวข้างต้น (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากทำร้ายร่างกายสาหัสเป็นทำร้ายร่างกายทั่วไป จากระยะเวลาการรักษาสั้นกว่าที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสรักษาประมาณ 20 กว่าวันจึงจะหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่า รักษาบาดแผล 10 วันหาย จำเลยเป็นคนดีขอให้ลงโทษสถานเบา โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านและมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาประมาณ 10 วันหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาอาวุธเข้าบ้านผู้อื่นยามวิกาล ไม่เป็นเหตุป้องกันตัวได้ แม้ถูกทำร้ายก่อน
การที่จำเลยพกอาวุธปืนเข้าไปในบริเวณรั้วบ้านผู้ตายในยามวิกาล นับได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นความผิดต่อกฎหมาย ผู้ตายเมื่อรู้ตัวว่าของหาย แลเห็นจำเลยก็เข้าใจว่าเป็นคนร้ายลักทรัพย์จึงฟันเอา แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย เป็นผลจากการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว จำเลยหาอาจป้องกันภยันตรายที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำของตนอันเป็นความผิดต่อกฎหมายได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามทำร้ายร่างกายต้องพิจารณาผลของการกระทำ หากไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ถือเป็นลหุโทษไม่ต้องรับโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเท่าซึ่งสวมรองเท้าเงื้อจะถีบผู้เสียหาย แต่ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าถ้าจำเลยกระทำไปโดยตลอดแล้วจะเกิดผลอย่างไร ผลธรรมดาอันจะเกิดขึ้นเพราะการถีบจะทำให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือไม่ ไม่อาจเล็งเห็นได้ หากจำเลยกระทำไปโดยตลอดแล้วผลที่เกิดไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจแล้ว ความผิดนั้นก็เป็นเพียงลหุโทษ ผู้พยายามกระทำความผิดลหุโทษไม่ต้องรับโทษ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยพยายามกระทำให้ผู้เสียหายเกิดอันตรายแก่กายแล้ว ก็ลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้
การใช้เท้าเงื้อจะถีบไม่เป็นอันตรายต่อจิตใจเพราะอันตรายต่อจิตใจนั้น ต้องเป็นผลจากการทำร้าย แต่ความรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม เจ็บใจ แค้นใจ เหล่านี้เป็นอารมย์ หาใช่เป็นอันตรายต่อจิตใจไม่.
of 184