คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กระทรวงกลาโหม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8506/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกระทรวงกลาโหมต่อการกระทำละเมิดของข้าราชการในสังกัดตามมาตรา 76
จำเลยที่ 1 รับราชการในกองทัพบกจำเลยที่ 3 และกระทำการในหน้าที่ของจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3เป็นส่วนราชการของกองบัญชาการทหารสูงสุดและกองบัญชาการทหารสูงสุดเป็นส่วนราชการของกระทรวงกลาโหมจำเลยที่ 2 ถือว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการของจำเลยที่ 3 และเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 2ด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 กระทำในหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5976/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงกระทรวงกลาโหม-มหาดไทย มิใช่กฎหมาย การปฏิบัติผิดข้อตกลงไม่กระทบการสอบสวน
ข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การปฏิบัติและประสานงานเกี่ยวกับกรณีที่ทหารเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาในความผิดอาญา พ.ศ.2498 ข้อ 26 ทวิ มิใช่กฎหมาย แม้มีการปฏิบัติผิดข้อตกลงดังกล่าวก็ไม่ทำให้การสอบสวนเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3098/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะลูกจ้าง: การทำงานตามสัญญาเช่าระหว่างกระทรวงกลาโหมและเอกชน ไม่ถือเป็นลูกจ้างของเอกชน
การที่โจทก์ทำงานกับจำเลยเป็นผลจากข้อตกลงระหว่างจำเลยกับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงกลาโหมยังถือว่าโจทก์เป็นลูกจ้างอยู่โดยสงวนอำนาจบังคับบัญชาในการลงโทษและการพิจารณาความดีความชอบของโจทก์ไว้ และยังได้เคยย้ายข้าราชการที่ทำงานกับจำเลยกลับไปทำงานที่กระทรวงกลาโหมเพราะเงินเดือนเต็มขั้นจึงเห็นได้ว่าการที่โจทก์ทำงานในโรงงานซึ่งจำเลยเช่ามาจากกระทรวงกลาโหม เป็นการทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างของกระทรวงกลาโหมอันเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งสัญญาเช่าโรงงานมิได้เกิดจากข้อตกลงที่โจทก์ตกลงทำงานให้แก่จำเลย โจทก์จึงมิใช่ลูกจ้างของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3018/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกระทรวงกลาโหมจากการละเมิดของพนักงานขับรถ และการรับฟังเอกสารหลักฐานการเช่าซื้อรถยนต์
นายสิบทหารขับรถในราชการกองการขนส่ง กรมสารบรรณทหารบกกองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นนิติบุคคลสังกัดอยู่ในกระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหมต้องรับผิดในการละเมิดของผู้ขับรถ
ฟ้องระบุเลขหมายรถยนต์ของโจทก์ กท.ฟ-0783 บางแห่งบรรยายเป็น 0738 จำเลยมิได้ต่อสู้ในคำให้การว่าฟ้องเคลือบคลุมไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ยกขึ้นฎีกาศาลไม่รับวินิจฉัย โจทก์นำสืบถึงรถหมายเลขที่ถูกต้องได้ ไม่แตกต่างจากฟ้อง
เอกสารเป็นจดหมายของโจทก์ถึงบริษัทผู้ให้เช่าซื้อว่าโจทก์ได้ชำระเงินครบและได้รับของแล้ว ไม่ใช่ตราสารใบรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์อันต้องปิดอากรแสตมป์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมต่อความเสียหายจากคำสั่งมอบหมายหน้าที่ให้ผู้อื่น
กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้เสนาธิการทหาร และข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้อำนวยการรับรองเลี้ยงดูทหารสัมพันธมิตรส่วนภูมิภาค เมื่อเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดได้ปฏิบัติการไปตามหน้าที่แล้ว เกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่บุคคลอื่นขึ้น กระทรวงกลาโหมก็ต้องรับผิดชอบตามความในป.ม.แพ่งฯ มาตรา 76 วรรคต้น ส่วนเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดไม่ต้องรับผิดชอบ ตามนัยของวรรค 2 แห่งมาตรา 76 นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกระทรวงกลาโหมต่อความเสียหายจากหน้าที่ของเสนาธิการและข้าหลวง
กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้เสนาธิการทหาร และข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้อำนวยการรับรองเลี้ยงดูทหารสัมพันธมิตรส่วนภูมิภาคเมื่อเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดได้ปฏิบัติการไปตามหน้าที่แล้ว เกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่บุคคลอื่นขึ้นกระทรวงกลาโหมก็ต้องรับผิดชอบตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 วรรคต้น ส่วนเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดไม่ต้องรับผิดชอบตามนัยของวรรคสอง แห่งมาตรา 76 นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดของพลเรือนในสังกัดกระทรวงกลาโหม และดุลยพินิจศาลในการพิจารณาหลักฐาน
พลเรือนที่สังกัดในกระทรวงกลาโหมละเลยขัดขืนไม่กระทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาต้องมีความผิดเช่นเดียวกับทหาร จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานการเงินรับเงินมาโดยตำแหน่งหน้าที่แล้วเก็บไว้เสียเอง แม้จะปรากฎว่ากรมที่จำเลยสังกัดอยู่นั้นไม่มีที่เก็บเงินแต่ก็เคยฝากเก็บไว้ณที่เก็บเงินของกรมอื่นดังนี้ เรียกได้ว่าจำเลยกระทำผิดข้อบังคับว่าด้วยการเงิน ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.186,227 ศาลไม่จำต้องยกคำพะยานในสำนวนขึ้นกล่าวทุกปากคำพะยานปากใดที่ศาลไม่ได้ยกขึ้นนั้นไม่ได้หมายความว่าศาลไม่ได้ตรวจพิจารณาถึงเมื่อศาลไม่เห็นจำเป็นกล่าวเจาะจงถึงโดยฉะเพาะก็ไม่กล่าวถึงโดยฉะเพาะได้ทั้งนี้เป็นข้อดุลยพินิจของศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3203/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกระทรวงกลาโหมจากละเมิดของทหาร: ความรับผิดของต้นสังกัด
กองทัพบกเป็นส่วนราชการ สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด และกองบัญชาการทหารสูงสุดเป็นส่วนราชการ สังกัดกระทรวงกลาโหม ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2503 มาตรา 8 ซึ่งใช้บังคับในขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ กระทรวงกลาโหมจึงมีอำนาจควบคุมดูแลกิจการในกองบัญชาการทหารสูงสุดตลอดไปถึงกิจการในกองทัพบก สิบเอก ต. เป็นทหารสังกัดกองทัพบก จึงถือว่าเป็นทหารในสังกัดของกองบัญชาการทหารสูงสุดซึ่งเป็นส่วนราชการของกระทรวงกลาโหมจำเลยด้วย เมื่อสิบเอก ต. ขับรถบรรทุกน้ำคันเกิดเหตุตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ ซึ่งทั้งกองทัพบกและกระทรวงกลาโหมจำเลยต่างเป็นนิติบุคคล โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องทั้งกองทัพบกซึ่งเป็นต้นสังกัดโดยตรง และฟ้องกระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นต้นสังกัดในลำดับสูงขึ้นไปได้ด้วย การที่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องกระทรวงกลาโหมให้รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่สิบเอก ต. ซึ่งถือเป็นผู้แทนของจำเลยผู้กระทำละเมิดตาม ป.พ.พ.มาตรา 76 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง