พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3891/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กักขังเรียกค่าไถ่ด้วยการทรมาน: ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคสอง
จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีและพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปที่ที่พักอาศัยของโจทก์ร่วม แล้วใช้อาวุธปืนนั้นขู่บังคับโจทก์ร่วมกับรื้อค้นเอาเงินจำนวน 3,000 บาท และนาฬิกาข้อมือราคา 150,000 บาท ไป จากนั้นจำเลยทั้งสองเอาเสื้อคลุมศีรษะโจทก์ร่วมบังคับให้ขึ้นรถยนต์นำโจทก์ร่วมไปกักขังไว้บนชั้นที่ 3 ของตึกแถวที่จำเลยที่ 1 เช่าจากผู้อื่น แล้วส่งจดหมายเรียกค่าไถ่ไปยังภริยาและบุตรของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ที่ประเทศไต้หวัน จนภริยาของโจทก์ร่วมตกลงจ่ายค่าไถ่ให้จำเลยทั้งสอง ในระหว่างที่โจทก์ร่วมถูกกักขัง จำเลยทั้งสองได้มัดโจทก์ร่วมด้วยโซ่ที่มือและเท้าทั้งสองข้างและใส่กุญแจ และควบคุมตัวโจทก์ร่วมอยู่ตลอดเวลา โจทก์ร่วมถูกกักขังอยู่เป็นเวลา 133 วัน หมดอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายไปที่อื่น และไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองได้ เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมไม่ได้รับประทานยาแก้โรคเบาหวาน ทำให้อาการกำเริบ มีเลือดปนออกมากับอุจจาระและปัสสาวะ อันเป็นการกระทำที่เลวร้ายยิ่งกว่าการปฏิบัติต่อนักโทษที่ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำเสียอีกจึงเป็นการกระทำโดยทรมานจนเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจแล้ว เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3075/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์-กักขังเรียกค่าไถ่: การกระทำช่วยรับเงินค่าไถ่ถือเป็นตัวการร่วม
ช. ถูกจำเลยที่ 2 กับพวกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เมื่อ ส. นำเงินค่าไถ่ไปมอบให้จำเลยที่ 2 และพวกนั้นจำเลยที่ 1 ซึ่งมีอาวุธปืนได้อยู่ด้วยโดยได้ช่วยรับและนับเงินค่าไถ่ หลังจากนั้นจึงได้จัดการปล่อยตัว ช.ให้เป็นอิสระ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกในการกระทำความผิดด้วย
ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313ประกอบด้วยมาตรา 316, 53 โดยให้จำคุก 20 ปีแสดงว่าใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นเกณฑ์ในการคำนวณโทษ แต่ตามมาตรา 316 จะลงโทษน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษดังกล่าว หาได้ไม่ โทษจำคุก 20 ปี ที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาจึงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตลอดชีวิตซึ่งไม่ถูกต้อง แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ให้สูงขึ้นอีกได้
ศาลชั้นต้นวางโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313ประกอบด้วยมาตรา 316, 53 โดยให้จำคุก 20 ปีแสดงว่าใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นเกณฑ์ในการคำนวณโทษ แต่ตามมาตรา 316 จะลงโทษน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษดังกล่าว หาได้ไม่ โทษจำคุก 20 ปี ที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาจึงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของโทษจำคุกตลอดชีวิตซึ่งไม่ถูกต้อง แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ให้สูงขึ้นอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษจำคุกและประหารชีวิตในคดีปล้นทรัพย์และกักขังเรียกค่าไถ่ โดยมีข้อจำกัดในการเพิ่มโทษ
เมื่อจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วย มาตรา 340ตรี แต่เนื่องจากตาม มาตรา 340วรรคท้าย มีโทษถึงประหารชีวิต จึงไม่อาจวางโทษให้หนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งตามมาตรา 340ตรี ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4532/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีร่วมกันกักขังเรียกค่าไถ่แล้วฆ่า ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตและประหารชีวิตจำเลย
การที่จำเลยทั้งสามกับพวกนำผู้ตายไปกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่แล้วพวกของจำเลยได้ฆ่าผู้ตายนั้น ถือได้ว่าการตายของผู้ตายเป็นผลมาจากการที่จำเลยทั้งสามกับพวกนำผู้ตายไปเพื่อเรียกค่าไถ่ การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 313 วรรคท้าย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2561)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2561)