คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การกระทำเกินเลย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าหลังพ้นอันตราย การกระทำเกินกว่าป้องกันตัว และอำนาจฟ้องกรณีไม่มีชันสูตรพลิกศพ
ผู้ตายใช้มีดยาวประมาณ 1 ช่วงแขนไล่ฟันจำเลยที่ 1 จำเลยที่1 จึงใช้ปืนแก็ปยิงผู้ตาย 1 นัดขณะที่อยู่ห่างกันประมาณ 4วา ผู้ตายวิ่งหนีไป 2 วาก็ล้มลง จำเลยที่ 1 เอาปืนลูกซองยาวจากจำเลยที่ 2 มายิงซ้ำอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกแล้วจำเลยทั้งสองนำผู้ตายไปทิ้งลงเหว ดังนี้ เป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายหลังจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ล่วงพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
การชันสูตรพลิกศพเป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนโดยชอบแล้ว แม้ไม่มีการชันสูตรพลิกศพก็หาเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดร่วม การกระทำเกินเลยขอบเขตที่ตกลงร่วมกัน และความรับผิดทางอาญา
จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คนสมคบกันไปลักทรัพย์.จำเลยทั้งสองรออยู่ที่ประตูรั้วอีกคนหนึ่งเข้าไปเอาทรัพย์ข้างใน. และได้ใช้ปืนยิงต่อสู้เจ้าทรัพย์อันเป็นการกระทำของคนร้ายคนนี้เอง. ซึ่งอยู่นอกความมุ่งหมายหรือเจตนาของจำเลย. และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้รู้เห็นว่าพรรคพวกคนที่ใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์นั้นได้พกปืนไปด้วย. จำเลยทั้งสองจึงไม่ผิดฐานเป็นตัวการในข้อหาพยายามปล้นทรัพย์และฆ่าเจ้าทรัพย์. คงผิดฐานพยายามลักทรัพย์เท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบทำร้ายร่างกาย: การกระทำเกินเลยเจตนาเดิมของกลุ่ม
จำเลยสามคนไล่ทำร้ายบุคคลสองคน บุคคลทั้งสองนั้นวิ่งหนีไปที่เรือนผู้เสียหาย ผู้เสียหายช่วยป้องกันคนทั้งสอง โดยสอดมือออกมาจะขัดประตูเรือน จำเลยคนหนึ่งใช้ดาบฟันมือผู้เสียหายจนนิ้วขาด ดั่งนี้ เป็นเรื่องนอกความมุ่งหมายหรือเจตนาของจำเลยอีก 2 คน คดีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยอีก 2 คนนั้นสมคบในการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเกินขนาด: การกระทำเกินสมควรหลังจากภัยอันตรายหมดไปแล้ว
พฤติการณ์ที่ผู้ตายทำร้าย ส. ล้มลงแล้วจะตามไปทำร้าย ส. อีก เมื่อจำเลยเข้าห้ามปราม ผู้ตายก็ใช้มีดแทงจำเลย ถือว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ส. และจำเลยแล้ว การที่จำเลยใช้ด้ามพร้าตีผู้ตายจนล้มลงนั้น เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว และเมื่อผู้ตายพยายามจะลุกขึ้นอีก แต่จำเลยใช้เท้าขวาเหยียบมือผู้ตายที่กำลังถือมีดอยู่แสดงว่าภยันตรายที่เกิดจากการกระทำของผู้ตายนั้นถูกจำเลยควบคุมมิให้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นอีกได้ ถือว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ ส. และจำเลยหมดไปแล้ว จำเลยไม่จำเป็นต้องทำร้ายผู้ตายอย่างใดอีก ดังนั้น การที่จำเลยใช้มือซ้ายจับคางผู้ตายใช้มือขวาซึ่งถือมีดเชือดคอผู้ตาย 1 ครั้ง และเมื่อผู้ตายยังดิ้นรนอยู่จำเลยยังเอามีดพกส่วนตัวของจำเลยอีกเล่มหนึ่งมาแทงผู้ตายถึง 2 แผลอีก นับเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 69 เพราะหากจำเลยไม่เชือดคอผู้ตาย ผู้ตายก็คงไม่ถึงแก่ความตาย คดีจึงฟังไม่ได้ว่าการที่จำเลยฆ่าผู้ตายเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษให้จำคุกจำเลย 6 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับพฤติการณ์ที่จำเลยฆ่าผู้ตายโดยวิธีเชือดคอซึ่งเป็นวิธีการที่สยดสยองอย่างยิ่ง กับจำเลยยังเอามีดพกส่วนตัวของจำเลยมาแทงผู้ตายอีก 2 แผลแล้ว นับเป็นกำหนดโทษที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งการกระทำแล้ว คดีไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะกำหนดโทษให้ต่ำไปกว่านี้อีก และเมื่อจำเลยต้องโทษจำคุกเกินสามปี คดีจึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ศาลจะรอการลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 56 ได้