พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องและการใช้พยานหลักฐานจากเอกสารสัญญากู้ที่มีการแก้ไข
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ 7,000 บาท แล้วยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องว่าเดิมจำเลยกู้ไป 6,000 บาทแล้วไม่ชำระ จึงทำสัญญาใหม่รวมทั้งดอกเบี้ยด้วยเป็น 7,000 บาทตามฟ้อง ดังนี้เป็นการอธิบายฟ้องเดิมของโจทก์ที่ว่าเหตุที่ฟ้องจำเลยตามสัญญากู้ฉบับหลังมีที่มาอย่างไร ไม่เป็นเคลือบคลุม โจทก์ย่อมแก้ไขข้อหาได้
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ในสัญญากู้ แม้ผู้กู้จะมิได้ขีดฆ่าเอง แต่ผู้เขียนเป็นผู้ขีดฆ่านั้น ก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ (ฎีกาที่ 561/2487)
การขีดฆ่าอากรแสตมป์ในสัญญากู้ แม้ผู้กู้จะมิได้ขีดฆ่าเอง แต่ผู้เขียนเป็นผู้ขีดฆ่านั้น ก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ (ฎีกาที่ 561/2487)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจที่ขีดฆ่าอากรแสตมป์โดยไม่ลงวันที่ ยังใช้เป็นหลักฐานได้ และเจ้าอาวาสมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 103 ให้ความหมายของคำว่า "ขีดฆ่า" หมายความว่า "การกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีก โดยในกรณีแสตมป์ปิดทับได้ลงลายมือชื่อหรือลงชื่อห้างร้านบนแสตมป์ หรือขีดเส้นคร่อมฆ่าแสตมป์ที่ปิดทับกระดาษและลงวัน เดือน ปี ที่กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วย..." การระบุวัน เดือน ปี พร้อมขีดฆ่าอากรแสตมป์ ก็เพียงมุ่งหมายให้ทราบว่าได้มีการปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์เมื่อใดเท่านั้น สาระสำคัญจึงอยู่ที่มีการขีดฆ่าอากรแสตมป์มิให้นำไปใช้ได้อีก เมื่อหนังสือมอบอำนาจได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้ว แม้จะไม่ได้ลงวันที่ เดือน ปี กำกับด้วย ก็ถือว่าหนังสือมอบอำนาจรับฟังพยานหลักฐานได้ ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118
โจทก์เป็นนิติบุคคล โดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้แทนของโจทก์ในกิจการทั่วไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 31 แม้กฎกระทรวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2511 จะมิได้กำหนดวิธีจัดการศาสนสมบัติของวัดเกี่ยวกับการฟ้องคดีไว้ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามทางนำสืบแล้วว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับลงโดยโจทก์แจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินพิพาทกับจำเลย อันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 40 วรรคสาม ว่าด้วยการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงในเรื่องการเช่าแล้ว และเมื่อสัญญาเช่าที่ดินเลิกกัน โจทก์ในฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้แทนของโจทก์ในกิจการทั่วไป ผู้แทนของโจทก์ย่อมมีอำนาจดำเนินกิจการใด ๆ อันเกี่ยวกับการจัดการศาสนสมบัติของวัดแทนโจทก์ได้ การจัดการทรัพย์สินของวัดซึ่งรวมทั้งการฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ จึงเป็นอำนาจของเจ้าอาวาสวัดโจทก์ที่จะดำเนินการได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์เป็นนิติบุคคล โดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้แทนของโจทก์ในกิจการทั่วไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 31 แม้กฎกระทรวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2511 จะมิได้กำหนดวิธีจัดการศาสนสมบัติของวัดเกี่ยวกับการฟ้องคดีไว้ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามทางนำสืบแล้วว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับลงโดยโจทก์แจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินพิพาทกับจำเลย อันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 40 วรรคสาม ว่าด้วยการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงในเรื่องการเช่าแล้ว และเมื่อสัญญาเช่าที่ดินเลิกกัน โจทก์ในฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้แทนของโจทก์ในกิจการทั่วไป ผู้แทนของโจทก์ย่อมมีอำนาจดำเนินกิจการใด ๆ อันเกี่ยวกับการจัดการศาสนสมบัติของวัดแทนโจทก์ได้ การจัดการทรัพย์สินของวัดซึ่งรวมทั้งการฟ้องขับไล่จำเลยเป็นคดีนี้ จึงเป็นอำนาจของเจ้าอาวาสวัดโจทก์ที่จะดำเนินการได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง