คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การจับกุม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6600/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กองทุนหมู่บ้านมีอำนาจร้องทุกข์ ยักยอกทรัพย์โดยจำเลย การจับกุมและการฟ้องคดี
การที่จำเลยยักยอกเงินจัดสรรผลกำไรสุทธิที่ได้มาจากการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้าน กองทุนหมู่บ้าน ค. โดยคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านจึงเป็นผู้เสียหายในอันที่จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยได้ โดยถือว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ของกองทุนหมู่บ้าน ค. ซึ่งอยู่ในความครอบครองของสมาชิกและจำเลย การร้องทุกข์ของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านจึงเป็นการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5499/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเริ่มต้นนับระยะเวลาฟ้องคดีเยาวชน: การมอบตัวไม่ใช่การจับกุม
จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและส่งตัวจำเลยไปที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในวันเดียวกัน แล้วปล่อยตัวจำเลยไป โดยไม่มีการควบคุมตัวจำเลยไว้ หรือปล่อยตัวจำเลยชั่วคราวในระหว่างสอบสวน แสดงว่าจำเลยไม่ถูกพนักงานสอบสวนจับกุม เมื่อจำเลยยังไม่ถูกจับกุม จึงยังไม่มีจุดเริ่มต้นในการนับระยะเวลาในการฟ้องคดี โจทก์สามารถฟ้องจำเลยได้โดยไม่ต้องผัดฟ้องหรือได้รับอนุญาตจากอัยการสูงสุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4752/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการควบคุมตัวระหว่างพิจารณาแยกจากอำนาจการจับกุมของตำรวจ
เมื่อพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยและศาลประทับฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจออกหมายขังจำเลยไว้ระหว่างพิจารณาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 71 และมาตรา 88 ที่ใช้ขณะยื่นคำร้องและที่แก้ไขใหม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนต่างหากจากการจับกุมและควบคุมจำเลยของเจ้าพนักงานตำรวจที่ผู้ร้องอ้างว่ามิชอบด้วยกฎหมาย การคุมขังจำเลยระหว่างพิจารณาจึงไม่ขัดต่อ ป.วิ.อ. มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4752/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการคุมขังระหว่างพิจารณาแยกจากขั้นตอนการจับกุมของตำรวจ
เมื่อพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยและศาลสั่งประทับฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจออกหมายขังจำเลยไว้ระหว่างพิจารณาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 71 และมาตรา 88 ที่ใช้ขณะยื่นคำร้องและที่แก้ไขใหม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนต่างหากจากการจับกุมและควบคุมจำเลยของเจ้าพนักงานตำรวจ การคุมขังจำเลยระหว่างพิจารณาจึงไม่ขัดต่อมาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8999/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งสิทธิผู้ต้องหา, พยานเบิกความขัดแย้ง, และการใช้ประโยชน์แห่งความสงสัยในคดีครอบครองยาเสพติด
เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสามและแจ้งข้อหาว่าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ แต่ไม่ปรากฏว่าได้แจ้งสิทธิให้จำเลยทั้งสามทราบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 7 ทวิ (เดิม) ซึ่งเป็นบทบังคับให้ผู้จับมีหน้าที่ต้องแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบถึงสิทธิรวม 3 ประการ โดยเฉพาะประการที่ 1 คือพบและปรึกษาผู้ที่จะเป็นทนายสองต่อสอง ทั้งตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมก็ไม่มีข้อความระบุว่ามีการแจ้งสิทธิดังกล่าวด้วย บันทึกการตรวจค้นจับกุมจึงมีน้ำหนักน้อย เจ้าพนักงานตำรวจเพียงแต่พบเมทแอมเฟตามีนอยู่ที่บริเวณหัวเตียงนอนและในห้องดังกล่าวซึ่งมีจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อยู่ด้วยกัน โดยจำเลยที่ 3 เบิกความยอมรับว่าเป็นของจำเลยที่ 3 เอง เมื่อมิได้ค้นพบเมทแอมเฟตามีนจากตัวจำเลยที่ 1 ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ โจทก์เพียงอ้างส่งบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพ โจทก์เพียงอ้างส่งบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 3 ต่อศาลเท่านั้น มิได้อ้างส่งบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ต่อศาลด้วย ทำให้เป็นพิรุธน่าสงสัยว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ให้การว่าอย่างไร ได้ลงชื่อในบันทึกการจับกุมโดยสมัครใจหรือไม่ ข้อเท็จจริงในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 สอดคล้องกับคำเบิกความของพันตำรวจโท พ. และดาบตำรวจ ว. ในชั้นศาลหรือไม่ทั้จำเลยที่ 1 ไม่เคยมีประวัติกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษมาก่อน กรณีจึงยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3 หรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2499/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติการของเจ้าพนักงานตำรวจต้องแสดงตัวชัดเจน การต่อสู้ขัดขวางจึงจะผิด
สิบตำรวจตรี ย. และสิบตำรวจตรี ส. ไม่ได้แสดงหลักฐานหรือบอกกล่าวแก่จำเลยขณะจะเข้าตรวจค้นว่าตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกระทำการตามหน้าที่ และมิได้แต่งเครื่องแบบตำรวจ เมื่อจำเลยไม่มีทางรู้ได้ว่าสิบตำรวจตรี ย. และ
สิบตำรวจตรี ส. เป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งจะปฏิบัติตามหน้าที่ พฤติการณ์ที่มีชายแปลกหน้า 2 คน เดินตรงเข้าหาจำเลยขณะจำเลยขับรถจักรยานยนต์เข้าจอดที่หน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ จึงอาจทำให้จำเลยเข้าใจได้ว่าจะเข้ามาทำร้าย และเมื่อจำเลยวิ่งหนี ชายดังกล่าวก็วิ่งไล่หมายจับกุมเช่นนี้ แม้จำเลยต่อสู้ขัดขวางไม่ให้จับกุม จำเลยก็หามีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ไม่
ข้อเท็จจริงที่โจทก์อ้างมาในฎีกาว่า พยานโจทก์เบิกความไว้ชัดเจนว่า ขณะวิ่งไล่จับกุมจำเลยเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจขอตรวจค้นตามคำเบิกความของสิบตำรวจตรี ย. ตอบพนักงานอัยการผู้แทนโจทก์ถามติง แต่ในชั้นพยานเบิกความตอบคำถามซักและคำถามค้าน หาปรากฏข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ เมื่อ ป.วิ.พ. มาตรา 118 ซึ่งต้องนำมาใช้กับคดีอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 15 บัญญัติว่า ในการที่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานจะถามติงพยาน ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายนั้นใช้คำถามอื่นใดนอกจากคำถามที่เกี่ยวกับคำพยานเบิกความตอบคำถามค้าน ดังนั้นโจทก์จึงไม่อาจยกเอาคำเบิกความของสิบตำรวจตรี ย. ที่ว่าได้แจ้งให้จำเลยทราบว่า พยานเป็นเจ้าพนักงานตำรวจแล้วมาเป็นประโยชน์แก่คดีโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: พนักงานสอบสวนท้องที่พบการกระทำผิดก่อน มีอำนาจสอบสวน แม้จับกุมในท้องที่อื่น
ว. ได้รับมอบอำนาจจากกรมการจัดหางานผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อร้อยตำรวจโท บ. พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะถูกจับกุมในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบึงกุ่ม แต่การที่ร้อยตำรวจโท บ. ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ก่อนแล้ว จึงถือว่าเป็นพนักงานสอบสวนซึ่งท้องที่ที่พบการกระทำผิดก่อนอันเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนและมีอำนาจทำการสอบสวนได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 19 วรรคสาม (ข.) และร้อยตำรวจโท บ. ยังได้ทำการสอบสวนตลอดมาในขณะที่ยังจับตัวจำเลยที่ 1 ไม่ได้ จึงเป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย พนักงานอัยการโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120 หาจำต้องสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนท้องที่ที่จับได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการตรวจค้นจับกุมของเภสัชกร กองควบคุมวัตถุเสพติด และอำนาจฟ้องคดีวัตถุออกฤทธิ์
จ. เภสัชกร 8 และ ศ. เภสัชกร 5 กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มีหน้าที่ตรวจสอบสถานที่ผลิต เก็บ และขายวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าว รวมทั้งตรวจสอบตามร้านขายยาโดยทั่วไป และได้พบเห็นจำเลยทั้งสองกระทำผิดซึ่งหน้า ดังนั้น การตรวจค้นร้านขายยาภักดีเภสัชสถานที่เกิดเหตุและจับกุมจำเลยทั้งสอง จึงกระทำโดยชอบ ทั้งเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการเป็นขั้นตอนในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 เมื่อได้แจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุและพนักงานสอบสวนได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานโดยชอบแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4536/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตรวจค้นเคหสถานและการจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติดโดยไม่ได้รับหมายค้น
ที่จำเลยฎีกาว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับและค้นห้องพักของจำเลยในยามวิกาลโดยไม่มีหมายจับและหมายค้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา มิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยจึงมีสิทธิฎีกา
เจ้าพนักงานตำรวจได้สืบทราบมาก่อนว่า จำเลยลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน วันเกิดเหตุ (1 พฤษภาคม 2540) ร้อยตำรวจเอก ศ.กับพวกได้วางแผนจับกุมโดยไปซุ่มดูพฤติการณ์ของจำเลย เห็นรถบรรทุกสิบล้อประมาณ3 ถึง 4 คัน ขับมาจอดที่หน้าร้านจำเลยโดยไม่ได้เติมน้ำมัน แล้วคนขับรถบรรทุกสิบล้อเข้าไปส่งธนบัตรให้จำเลย จำเลยเอี้ยวตัวไปหยิบสิ่งของจากชั้นวางของด้านหลังส่งให้เชื่อว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้คนขับรถบรรทุกสิบล้อ ร้อยตำรวจเอก ศ.จึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานป.ป.ส.ขอตรวจค้นที่ชั้นวางของเป็นจุดแรก พบเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด อยู่ใต้กล่องยากันยุงบนชั้นวางของใกล้กับที่นั่งของจำเลย กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในห้องพักอันเป็นที่รโหฐาน ประกอบมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากไม่ดำเนินการทันทียาเสพติดอาจถูกโยกย้าย ร้อยตำรวจเอก ศ.จึงมีอำนาจตรวจค้นเคหสถานและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในเวลากลางคืนหลังจากพระอาทิตย์ตกดินได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดพ.ศ. 2519 มาตรา 14 ทั้งจำเลยก็ยินยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นแต่โดยดีสิ่งของที่ค้นได้ทั้งหมดรวมทั้งที่ค้นได้จากในห้องพักของจำเลยจึงใช้เป็นพยานหลักฐานได้กรณีไม่ต้องพิจารณาว่า มีเหตุที่ค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 92(1)ถึง (5) หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4536/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตรวจค้นเคหสถานและการจับกุมคดียาเสพติด: อำนาจเจ้าพนักงานและเหตุอันควรสงสัย
ที่จำเลยฎีกาว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับและค้นห้องพักของจำเลยในยามวิกาลโดยไม่มีหมายจับและหมายค้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา มิได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยจึงมีสิทธิฎีกา
เจ้าพนักงานตำรวจได้สืบทราบมาก่อนว่า จำเลยลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน วันเกิดเหตุ (1 พฤษภาคม 2540)ร้อยตำรวจเอก ศ. กับพวก ได้วางแผนจับกุมโดยไปซุ่มดูพฤติการณ์ของจำเลย เห็นรถบรรทุกสิบล้อประมาณ 3 ถึง 4 คัน ขับมาจอดที่หน้าร้านจำเลยโดยไม่ได้เติมน้ำมันแล้วคนขับรถบรรทุกสิบล้อเข้าไปส่งธนบัตรให้จำเลย จำเลยเอี้ยวตัวไปหยิบสิ่งของจากชั้นวางของด้านหลังส่งให้เชื่อว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้คนขับรถบรรทุกสิบล้อ ร้อยตำรวจเอก ศ. จึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานป.ป.ส. ขอตรวจค้นที่ชั้นวางของเป็นจุดแรก พบเมทแอมเฟตามีน2 เม็ด อยู่ใต้กล่องยากันยุงบนชั้นวางของใกล้กับที่นั่งของจำเลยกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในห้องพักอันเป็นที่รโหฐาน ประกอบมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากไม่ดำเนินการทันทียาเสพติดอาจถูกโยกย้าย ร้อยตำรวจเอก ศ. จึงมีอำนาจตรวจค้นเคหสถานและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในเวลากลางคืนหลังจากพระอาทิตย์ตกดินได้โดยไม่ต้องมีหมายจับหรือหมายค้นตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติดพ.ศ. 2519 มาตรา 14 ทั้งจำเลยก็ยินยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นแต่โดยดีสิ่งของที่ค้นได้ทั้งหมดรวมทั้งที่ค้นได้จากในห้องพักของจำเลยจึงใช้เป็นพยานหลักฐานได้ กรณีไม่ต้องพิจารณาว่ามีเหตุที่ค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(1) ถึง (5)หรือไม่
of 6