คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การทำร้าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5215/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายจากภยันตรายใกล้ถึงของผู้ถูกทำร้าย
ผู้ตายมีนิสัยเป็นนักเลง อันธพาล ใจคอดุร้าย วันเกิดเหตุผู้ตายได้กล่าวคำอาฆาตจำเลยกับบุตรจำเลยแล้วดื่มสุราก่อนมาหาจำเลย เมื่อผู้ตายเข้ามาในบริเวณบ้านจำเลย จำเลยบอกให้ผู้ตายหยุด แต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดและเดินตรงเข้าหาจำเลยระยะห่างเพียง 5 วา พฤติการณ์ของผู้ตายส่อลักษณะอาการที่มุ่งร้ายต่อชีวิตของจำเลย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยมีความชอบธรรมที่จะป้องกันภยันตรายได้ตามสมควรจำเลยอายุ 68 ปี อยู่ในวัยชรา ส่วนผู้ตายอายุ 26 ปี เป็นชายฉกรรจ์ ในภาวะเช่นจำเลยต้องประสบในขณะนั้นย่อมต้องเข้าใจว่า ผู้ตายคงจะต้องมีอาวุธติดตัวมาและจะมาฆ่าจำเลย โอกาสไม่อำนวยให้จำเลยได้ตั้งสติไตร่ตรองได้ว่า ผู้ตายมีอาวุธร้ายแรงแค่ไหน การที่จำเลยยิงปืนใส่ผู้ตายเพียง 1 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายและผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2755/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองทางอาญา: การใช้กำลังเพื่อยับยั้งการทำร้ายจากผู้ถูกทำร้าย
ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนยาวประมาณ1ศอกขว้างถูกจำเลยจนจำเลยตกลงไปในสระน้ำแล้ววิ่งเข้าหาจำเลยใช้ไม้ตีซ้ำอีกในขณะที่จำเลยกำลังขึ้นจากสระน้ำจำเลยก็ชอบที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุได้ฉะนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธแทงทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย3ครั้งเพื่อยับยั้งมิให้ผู้เสียหายใช้ไม้ท่อนตีทำร้ายร่างกายจำเลยอีกต่อไปไม่ว่าอาวุธที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นอาวุธมีดดังที่โจทก์นำสืบหรือเป็นใบเลื่อยดังที่จำเลยอ้างแต่เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ท่อนที่ผู้เสียหายใช้ตีทำร้ายร่างกายจำเลยแล้วเป็นกระทำไปพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4959/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองที่สมควรแก่เหตุ แม้การกระทำส่งผลถึงแก่ความตาย
ผู้ตายกับพวกประมาณ 10 คน ก่อเหตุขึ้นก่อน โดยบางคนมีไม้และค้อนเป็นอาวุธเข้ารุมทำร้ายจำเลยที่ 1 เพียงคนเดียว ถือได้ว่าเป็นภยันตรายร้ายแรงซึ่งอาจทำให้จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตายได้ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่และบังเอิญมีดไปถูกที่หน้าอกผู้ตายซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญผู้ตายจึงถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
ขณะที่จำเลยเฝ้ายามอยู่หน้าโรงงาน ผู้ตายเมาสุราเดินเข้าไปต่อว่าจำเลยเรื่องการเปิดประตูโรงงาน แล้วผู้ตายหยิบไม้ท่อนหนึ่งขนาดเท่าแขนยาวประมาณ 1 เมตร ตรงเข้ามาจะตีจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด ถูกผู้ตายที่หน้าอกถึงแก่ความตาย เช่นนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงไม้ที่ผู้ตายจะใช้ตีจำเลยนั้นมีขนาดใหญ่และยาวพอสมควรที่จะใช้เป็นอาวุธตีจำเลยให้ถึงตายได้ ยิ่งขณะนั้นผู้ตายมีอาการมึนเมาย่อมขาดความยับยั้งไม่มีอะไรจะยับยั้งผู้ตายได้จำเลยกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นยามป้องกันทรัพย์สินของโรงงานและสัญชาตญาณป้องกันตนเอง จำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงไปทางผู้ตายโดยกะทันหันทันทีในเวลาฉุกละหุกไม่มีโอกาสเลือกยิงส่วนใดของผู้ตายหรือยิงขู่ได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนตามกฎหมายอาญา: การใช้มีดเพื่อป้องกันการถูกรัดคอและรัดเอวจนหายใจไม่ออก
พวกผู้เสียหายเข้าชกต่อยทำร้ายจำเลยที่ 2 ก่อน จำเลยที่ 1 จะเข้าช่วย จำเลยที่ 2 จึงถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 รัดคอและรัดเอวไว้จนหายใจไม่ออก จึงใช้มีดตัดหญ้าที่ติดตัวมากวัดแกว่ง ไปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีดถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 ล้มลง จำเลยที่ 1 กระทำดังกล่าวก็เพื่อให้คนที่รัดคอและรัดเอวปล่อย โดยไม่มีโอกาสที่จะทำให้พ้นภยันตรายโดยวิธีอื่น หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 คงยืนถือมีดอยู่เฉย ๆ ไม่ได้เข้าไปแทงซ้ำ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1จึงถือได้ว่าเป็นการป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายพอสมควรแก่เหตุตามพฤติการณ์ที่ประสบอยู่ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3353/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิป้องกันตัว: การกระทำเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ถือเป็นการป้องกันตัวโดยชอบธรรม
ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นโดยใช้เหล็กแป๊ปขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่งตีทำร้ายจำเลยก่อนและจะตีซ้ำอีก จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงไม่มีเหตุผลใดที่จำเลยจะต้องหลบหนีผู้ตาย การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไป 1 ทีเพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายและบังเอิญมีดไปถูกอวัยวะสำคัญทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6106/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อยับยั้งการทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง
แม้จำเลยจะเป็นฝ่ายก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนตบหน้า ร. ในบริเวณงาน แต่ก็เลิกกันไปแล้ว จำเลยเดินกลับบ้าน ผู้เสียหายเดินตามไปทันบนสะพานซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณงาน 500 เมตร ถือได้ว่าเหตุการณ์ขาดตอนไปแล้ว ทั้งผู้เสียหายไม่ใช่ผู้ที่ถูกจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจะทำร้ายจำเลย จำเลยมีสิทธิป้องกันได้ ผู้เสียหายวิ่งเข้ามาใกล้จะถึงตัวจำเลยโดยถืออาวุธมีดปลายแหลมทั้งตัวมีดและด้ามยาวประมาณ 1 ฟุต เพื่อทำร้ายจำเลย เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แม้จำเลยจะใช้อาวุธปืนยิงไป 4 นัด ก็เป็นการกระทำเพื่อยับยั้งผู้เสียหายที่มีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ จึงเป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4697/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากระยะห่างและลักษณะการทำร้ายด้วยอาวุธมีด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288, 80 โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในความผิดดังกล่าวตาม ป.วิ.อ.มาตรา 220
จำเลยที่ 1 พาจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 4 คน มาที่ร้านผู้เสียหาย แล้วรุมชกต่อยผู้เสียหาย แม้จำเลยที่ 2 ชักอาวุธมีดปลายแหลมยาว 1 คืบเศษออกมาจะแทงผู้เสียหาย แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังอยู่ห่างจากผู้เสียหายถึง 2 เมตร การกระทำดังกล่าวเพียงแต่แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น ไม่อาจชี้ให้เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ภยันตรายใกล้จะถึงจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีคม
ผู้เสียหายไปพบจำเลย และพูดต่อว่าเรื่องโคของจำเลยกินต้นยางของผู้เสียหาย ให้จำเลยใช้ เงิน จำเลยไม่ให้ เกิดโต้เถียง กันผู้เสียหายว่าไม่ให้จะเอาตาย และชักมีดปลายแหลมเดิน เข้าหาจำเลยในระยะประมาณ 3 วา เพื่อจะแทงจำเลย จำเลยพิการขาขวาด้วนนั่งอยู่บนแคร่จะขยับตัว หนีย่อมไม่ทัน ในภาวะเช่นนี้นับว่าเป็นภยันตรายซึ่ง เกิด จากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูก ผู้เสียหายบริเวณไหล่ซ้าย ดังนี้จำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดย ชอบด้วย กฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3106/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกาย: การแทงสุ่มโดยไม่มีโอกาสเลือกเป้าหมาย ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า
จำเลยกับผู้เสียหายทะเลาะวิวาทกันก่อนเกิดเหตุประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมตามไปจะทำร้ายผู้เสียหายผู้เสียหายได้ใช้โช้กอัพ รถจักรยานยนต์ตีจำเลยแต่ไม่ถูก จำเลยจึงเข้าประชิดตัวและใช้มีดแทงผู้เสียหาย 2 ครั้ง ถูกที่ต้นแขนขวาและที่ชายโครงขวาทะลุเข้าทรวงอกมีบาดแผลขนาด 12x3x2 เซนติเมตรและ 6x2x3 เซ็นติเมตร ตามลำดับ เป็นการแทงโดยกะทันหันในเวลากลางคืนโดยจำเลยแทงสุ่ม ไปไม่มีโอกาสเลือกได้ว่าจะแทงส่วนไหนของร่างกายพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบบาดแผลยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส
of 5