พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานบอกเล่าและคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิด สามารถนำมาประกอบการพิจารณาพิพากษาได้ หากมีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน
แม้คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจะเป็นพยานบอกเล่าแต่พยานบอกเล่าก็หาได้ต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานเสียทีเดียวไม่ ศาลชอบที่จะนำพยานบอกเล่าไปรับฟังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองได้ ในทำนองเดียวกันคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันก็หาใช่จะต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานลงโทษจำเลยเสียทีเดียวก็หาไม่ และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การซัดทอดจำเลยที่ 3 และที่ 4 เพื่อให้ตนเองพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์จากการซัดทอดนั้นแต่อย่างใดศาลล่างทั้งสองจึงชอบที่จะนำคำซัดทอดของจำเลยที่ 1 และที่ 2ไปฟังประกอบพยานแวดล้อมและพยานหลักฐานอื่นของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองได้เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาคำอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาคดี ทำให้การพิจารณาพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบ
พนักงานเดินหมายนำสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ไปส่งให้แก่จำเลย 2 ครั้ง ณ ภูมิลำเนาตามฟ้อง แต่ไม่พบจำเลย พบแต่ประตูบ้านปิดใส่กุญแจ และสอบถามผู้ที่อยู่บ้านข้างเคียง ไม่มีใครทราบว่าจำเลยไปไหน ครั้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พนักงานเดินหมายนำหมายนัดไปส่งให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาเดิมโดยในครั้งที่สองได้ปิดหมายไว้ จำเลยไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามกำหนดนัด เช่นนี้ แสดงว่าการที่พนักงานเดินหมายไม่พบจำเลยอาจเป็นเพราะจำเลยไม่อยู่บ้านหรือออกไปทำงานในตอนเช้าและกลับบ้านในตอนเย็นดังจำเลยกล่าวอ้างก็ได้ ถือไม่ได้ว่าการส่งสำเนาอุทธรณ์ของโจทก์ให้แก่จำเลยไม่ได้นั้นเป็นเพราะหาตัวจำเลยไม่พบ หรือหลบหนีหรือจงใจไม่รับสำเนาอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 200
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: อายุจำเลยเป็นเหตุให้ต้องพิจารณาตามศาลคดีเด็กและเยาวชน แต่การพิจารณาพิพากษาเดิมยังใช้ได้ตามมาตรา 12
วันยื่นฟ้อง ศาลจังหวัดนครราชสีมาสอบถามแล้วจดอายุจำเลยว่าจำเลยอายุ 18 ปี ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลจังหวัดนครราชสีมาจะพิจารณาพิพากษา และศาลจังหวัดนครราชสีมาได้ทำการพิจารณาพิพากษาคดีไปแล้วต่อมาจำเลยอุทธรณ์อ้างว่าวันยื่นฟ้องจำเลยอายุ 17 ปี 7 เดือน 8 วัน โดยแนบสำเนาทะเบียนบ้านมาพร้อมอุทธรณ์คดีอยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาดังนี้ กรณีต้องด้วยมาตรา12 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ซึ่งมีความว่าการพิจารณาพิพากษาของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดา และศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนนั้นให้เป็นอันใช้ได้แม้ความจริงจะปรากฏในภายหลังว่าข้อเท็จจริงใน เรื่องอายุหรือการบรรลุนิติภาวะด้วยการสมรสของบุคคลที่เกี่ยวข้องจะผิดไป ซึ่งถ้าปรากฏเสียแต่ต้นจะเป็นเหตุให้ศาลนั้น ๆ ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาก็ตาม'ดังนี้การพิจารณาพิพากษาของศาลจังหวัดนครราชสีมามีผลใช้ได้