คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การพิสูจน์สิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7169/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การพิสูจน์สิทธิโดยพยานหลักฐานและผลของการครอบครองปรปักษ์
ที่จำเลยฎีกาว่าตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ยอมรับว่าต.ครอบครองที่ดินพิพาทเมื่อประมาณ20ปีมาแล้วต้องฟังว่าต.ครอบครองที่ดินพิพาทเกินกว่า1ปีแล้วนั้นตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ได้ความเพียงแต่ว่าเมื่อ20ปีมาแล้วต.เคยมาขออนุญาตมารดาโจทก์ปลูกตะไคร้กล้วยเท่านั้นซึ่งเท่ากับว่าต.เคยครอบครองที่ดินพิพาทในนามของมารดาโจทก์เท่านั้นไม่ใช่ครอบครองเพื่อตนเองเกินกว่า1ปี ที่จำเลยฎีกาว่าควรนำข้อเท็จจริงที่โจทก์ยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทมาเป็นเวลา10กว่าปีแล้วตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่จำเลยขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกมาวินิจฉัยด้วยนั้นแม้จะมีการส่งเอกสารดังกล่าวเข้าสู่สำนวนแล้วแต่จำเลยก็มิได้นำสืบอ้างถึงเพื่อให้เข้าสู้กระบวนการพิจารณาของศาลอีกทั้งจำเลยมิได้เสียค่าอ้างเอกสารดังกล่าวด้วยจึงไม่อาจนำข้อความในเอกสารดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยได้ จำเลยให้การว่าเดิมที่ดินพิพาทเป็นของบิดามารดาจำเลยเมื่อบิดามารดาตายจำเลยก็ได้ครอบครองต่อมาโดยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์จึงไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1381จำเลยไม่อาจอ้างสิทธิตามมาตรา1375ได้แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยให้ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การได้มา การระงับ และการพิสูจน์สิทธิ
คำฟ้องโจทก์ได้ความว่า เดิมโจทก์ได้แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดแจ้งขอจับจองและได้รับใบจองในชื่อจำเลย แต่จำเลยและผู้ร้องสอดไม่ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ โจทก์จึงเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาโดยไม่มีบุคคลใดโต้แย้งสิทธิ อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ แม้โดยพฤตินัยจำเลยและผู้ร้องสอดจะไม่ได้รบกวนโต้แย้งสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของโจทก์ทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองก็ตาม แต่โจทก์ยังมีคำขอห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทด้วย โดยจำเลยและผู้ร้องสอดต่างยืนยันในคำให้การและคำร้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องสอดที่ให้จำเลยมีชื่อเป็นผู้เข้าทำกิน ซึ่งเป็นการโต้แย้งการเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของโจทก์ตามป.วิ.พ. มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตนตลอดมานาน 20 ปี แม้โจทก์เคยยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องสอดและผู้ร้องสอดให้จำเลยไปขอออกใบจองจนกระทั่งได้รับหนังสือสำคัญแบบแจ้งการครอบครองแทนผู้ร้องสอดแล้วก็ตาม เมื่อการขอจับจองไม่ชอบด้วยกฎหมายและจำเลยกับผู้ร้องสอดไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท ผู้ร้องสอดจึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาทยังคงเป็นของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4598/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน การที่จำเลยอ้างสิทธิครอบครองปรปักษ์ต้องยกขึ้นเป็นประเด็นในคำให้การ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ที่โจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์และให้จำเลยเช่าบางส่วน ต่อมาโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยโดยได้รับการยกให้จากบิดาจำเลยและจำเลยได้เข้าครอบครองมาประมาณ 40 ปี ไม่เคยเช่าจากโจทก์ คำให้การดังกล่าวไม่มีประเด็นเรื่องเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 จำเลยจึงไม่อาจอ้างสิทธิตามมาตรา 1375 ได้ แม้ตามทางพิจารณาของโจทก์จะได้ความว่าเมื่อโจทก์ที่ 1 ไปทวงค่าเช่าจำเลยไม่ชำระ โจทก์ที่ 1 ไปร้องเรียนต่อปลัดอำเภอ ปลัดอำเภอเรียกจำเลยมาเจรจากับโจทก์ที่ 1 แล้ว จำเลยโต้เถียงว่าไม่ได้เช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์ที่ 1 ไม่เคยชำระค่าเช่ามาก่อนศาลก็ไม่อาจยกขึ้นวินิจฉัยว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองได้ เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ในคำให้การและไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินมรดก: ส.ค.1 ไม่ใช่เอกสารเด็ดขาดในการพิสูจน์สิทธิ
จำเลยแจ้งการครอบครองที่พิพาทตาม ส.ค.1 โดยระบุการได้มาว่า โจทก์ซึ่งเป็นพี่สาวแบ่งให้ ก็นำสืบได้ว่าที่พิพาทเดิมเป็นของบิดามารดา เมื่อบิดามารดาตายโจทก์จำเลยและพี่น้องได้ร่วมทำกินในที่พิพาทแล้วแบ่งปันกันเพราะ ส.ค.1 ไม่ใช่เอกสารที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีมาแสดง จึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 ที่ไม่ให้สืบพยานบุคคลแก้ไข

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1950/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน การครอบครองปรปักษ์ และการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์มีชื่อในโฉนดร่วมกับจำเลยและผู้มีชื่อตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องโดยโจทก์ได้รับการยกให้จากมารดาและโจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทปรากฏเขตตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นส่วนสัดมากว่า 10 ปี จำเลยไม่ยอมแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่โจทก์ครอบครองให้โจทก์ ดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม แม้ฟ้องโจทก์จะบรรยายว่า โฉนดที่พิพาทมีชื่อโจทก์จำเลย ล.และท.ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันแต่ในทางพิจารณาได้ความว่ามีชื่อร.ในโฉนดที่พิพาทด้วย ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในทางพิจารณาแตกต่างไปจากฟ้องเพราะ ร. ซึ่งมีชื่อในโฉนดที่พิพาทด้วยเป็นพี่จำเลยได้รับมรดกที่พิพาทจากบิดามารดาเช่นเดียวกับจำเลยแต่บวชเป็นพระภิกษุ ไม่เคยครอบครองมากกว่า 10 ปีไม่ จึงไม่ทำให้ฟ้องเสียไปแต่อย่างใด เมื่อจำเลยฟ้องแล้ว ดังนั้นจึงหาเกี่ยวกับที่พิพาทในส่วนที่โจทก์ได้รับการยกให้และครอบครองมากว่า 10 ปีไม่จึงไม่ทำให้ฟ้องเสียไปแต่อย่างใด เมื่อจำเลยคัดค้านการแบ่งแยกโฉนดพิพาท ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม-ทางจำเป็น: การพิสูจน์สิทธิ-หนังสือยินยอม-การเลิกสัญญา
การนำสืบข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง แม้จะมีหนังสือของเจ้าของที่ดินระบุว่าที่พิพาทเป็นทางเดินมาก่อนนานแล้ว ก็เป็นเพียงพยานหลักฐานอย่างหนึ่งซึ่งอาจนำสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นได้
จำเลยทำหนังสือยินยอมว่ายอมให้โจทก์ใช้ที่ดินของจำเลยเป็นทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้โดยไม่ขอรับค่าตอบแทนใดๆและบุคคลคนหนึ่งเป็นผู้นำหนังสือนั้นมาให้โจทก์ยึดถือไว้ ก็มีผลเป็นแต่เพียงให้โจทก์มีสิทธิเดินตามทางพิพาทได้โดยไม่เป็นละเมิด แต่โจทก์ไม่มีสิทธิยกเอาความยินยอมนั้นผูกพันจำเลยตลอดไป จำเลยอาจเลิกไม่ให้ใช้เดินเสียเมื่อไรก็ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1084/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบตกแก่ใคร: กรณีที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญและจำเลยครอบครอง
เมื่อศาลขั้นต้นสั่งหน้าที่นำสืบตกแก่จำเลย ๆ ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จำเลยจึงมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา226 (2)
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แม้จำเลยต่อสู้ว่าเดิมที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงแต่ได้ขายให้แก่จำเลยแล้วก็ตาม เมื่อปรากฎว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ และจำเลยเป็นผู้ครอบครองอยู่ดังนี้ หน้าที่นำสืบจึงตกแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าพื้นที่ใช้ประโยชน์หลากหลาย: สิทธิและความรับผิดชอบของผู้เช่าภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ โดยอ้างว่า ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้า และจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า
จำเลยต่อสู้ว่าเช่าห้องเป็นที่อยู่อาศัยและทำการค้าด้วยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า เพราะอยู่ในเขตเทศบาล
แม้โจทก์รับว่าห้องเช่าอยู่ในเขตเทศบาลและจำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย จำเลยก็คงมีหน้าที่นำสืบว่า จำเลยมีเหตุสมควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษอย่างไร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1195/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเด็ดขาดในการใช้เครื่องหมายการค้า การขอจดทะเบียนไม่ใช่สิทธิเด็ดขาด ผู้ขายต้องพิสูจน์สิทธิ
คำขอจดทะเบียนไม่ให้สิทธิเด็ดขาดในเครื่องหมาย เว้นแต่จะพิศูจน์ว่าตนมีสิทธิเด็ดขาดอยู่แล้ว
วิธีพิจารณาแพ่งผู้ใดอ้างว่าตนมีสิทธิใช้เครื่องหมาย ผู้นั้นต้องสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8487/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การพิสูจน์สิทธิและอำนาจฟ้องที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทแทน ก. มาตั้งแต่ปี 2532 จนถึงวันฟ้อง ส่วนโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจาก ฮ. เมื่อปี 2537 โจทก์จึงไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทเลยและจำเลยก็มิได้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1367, 1368 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทจึงเป็นการวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงไม่ถูกต้องตามพยานหลักฐานในสำนวน แม้จะเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 ก็ตาม ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 238, 243 (3) ประกอบมาตรา 247
of 2