คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การยิง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3039/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงทำให้ถึงแก่ความตาย แม้เกิดภาวะแทรกซ้อนแต่เป็นผลโดยตรงจากการถูกยิง ถือเป็นความผิดสำเร็จ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย จากการตรวจชันสูตรพลิกศพผู้ตาย ผู้ตายมีภาวะปอดบวมแทรกซ้อจนถึงแก่ความตาย เหตุที่ทำให้มีภาวะปอดบวมแทรกซ้อนก็เนื่องมาจากสาเหตุที่ผู้ตายได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง เห็นได้ว่า แม้ผู้ตายจะตายเนื่องจากมีอาการปอดบวมแทรกซ้อน แต่การแทรกซ้อนดังกล่าวก็สืบเนื่องโดยตรงจากบาดแผลที่ถูกยิง การตายของผู้ตายจึงเป็นผลโดยตรงจากการยิง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จมิใช่เป็นเพียงความพยายามกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5664/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและการประเมินเจตนาในการฆ่า: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเข้ามาต่อว่าและตบหน้าจำเลยจำเลยโมโหจึงชักปืนยิงผู้ตาย 3 นัด ซึ่งในขณะเกิดเหตุมีผู้อยู่ในเหตุการณ์เพียง 3 คน คือ อ. พยานโจทก์จำเลย และผู้ตาย อ. ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยหรือผู้ตายมาก่อน จึงเป็นพยานคนกลาง พยานปากนี้จึงมีน้ำหนักมาก ยิ่งกว่านั้นเมื่อพิจารณาคำเบิกความของจำเลยแล้ว จำเลยเพียงแต่เกรงว่าผู้ตายจะชักปืนออกมายิงทั้งที่ยังไม่พฤติการณ์ที่จะส่อว่าผู้ตายจะชักปืนออกมายิงทำร้ายจำเลยและไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีอาวุธปืนจึงถือว่ายังไม่มีภยันตรายที่จำเลยจำต้องป้องกันแต่อย่างใดการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันตามกฎหมาย โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72โจทก์ร่วมขอขยายเวลาอุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2ไม่อนุญาต จึงถือว่าโจทก์ร่วมไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาดังกล่าวต้องถือว่าปัญหาดังกล่าวสำหรับโจทก์ร่วมได้ยุติแล้ว โจทก์ร่วมไม่มีสิทธิฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ดังนั้นแม้ศาลชั้นต้นจะรับฎีกาโจทก์ร่วมมา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดหลายกรรมต่างกันจากการยิงต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากเจตนาและเป้าหมายที่แยกจากกัน
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสอง 2 ชุด ชุดแรกยิง3 นัดติด ๆ กันกระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ 1 จำนวน 1 นัดผู้เสียหายที่ 1 ล้มลง ผู้เสียหายที่ 2 เข้าไปประคองผู้เสียหายที่ 1 จำเลยยิงผู้เสียหายที่ 2 ในชุดหลังอีก 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้เสียหายที่ 2 เพียง 1 นัด แสดงว่าการยิงปืนแต่ละชุดความประสงค์และจุดมุ่งหมายของจำเลยได้แยกออกจากกันว่าการยิงชุดใดจำเลยยิงผู้เสียหายคนใดเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองในขณะลงมือกระทำความผิดจึงแยกออกจากกันได้การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะจากพฤติกรรมข่มเหงของผู้เสียหายนำไปสู่การยิง
ในวันเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นภริยาผู้เสียหายนอนเฝ้าห้างนาเพียงคนเดียวผู้เสียหายไปดื่มสุรากับเพื่อน เพิ่งไปหาจำเลยเมื่อเวลา 24 นาฬิกา และให้จำเลยไปหาข้าวมาให้ผู้เสียหายรับประทาน จำเลยต้องเดินไปเอาข้าวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างห้างนา 3 เส้น เมื่อเอามาแล้วผู้เสียหายไม่ยอมรับประทาน กลับบ่นว่าจำเลย และยังพูดถึงภรรยาน้อยอีกด้วย การกระทำของผู้เสียหายเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นหลังถูกท้าทายด้วยคำพูดไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ แม้จะมีการโต้เถียงก่อนหน้า
จำเลยเข้าไปรับประทานอาหารและดื่มสุราในบาร์ที่ผู้เสียหายเป็นรองผู้จัดการและเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายท้าทายจำเลยว่านักข่าวก็ตายได้เหมือนกัน นักข่าวกระจอก นักข่าวกิ๊กก๊อก ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิผู้อื่นโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อปกป้องบิดาจากทำร้ายร่างกาย
การที่ผู้ตายซึ่งมีอายุ 30 ปี ทำร้ายบิดาจำเลยซึ่งมีอายุ 50 ปีโดยไม่มีทางสู้กันและผู้ตายกำลังจะกระทืบบิดาจำเลย ซ้ำอีกจำเลยอายุเพียง 16 ปี ใช้ปืนยิงผู้ตาย 1 นัด แล้วผู้ตายเข้าแย่งปืนจากจำเลยจนปืนลั่นอีก 1 นัด เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของบิดาจำเลยให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงโดยพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2275/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันตัวจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงจากการถูกรุมทำร้าย
การที่จำเลยถูกผู้ตายกับพวกรุมเตะ ต่อยและตีด้วยขวดเบียร์ เพราะพวกผู้ตายเข้าใจผิดคิดว่าจำเลยอยู่ในกลุ่มพวกที่ทำร้ายพวกของผู้ตายก่อนเกิดเหตุเล็กน้อย ดังนี้ เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยใช้ปืนยิงไปถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย เพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงป้องกันตัว, ลุแก่โทษ, และการให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี
คำให้การจำเลยที่ว่า ผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลย จำเลยจึงยิงป้องกันตัวและคำเบิกความของจำเลยขยายความข้อนี้มากขึ้น ไม่เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78เพราะมิได้ให้ความรู้แก่ศาลที่จะช่วยให้การวินิจฉัยชี้ขาดคดีเป็นไปโดยถูกต้องตามความผิดหรือการกระทำของจำเลย ตรงข้ามจำเลยกลับอ้างว่าเป็นความผิดของผู้ตายที่ใช้ปืนจะยิงจำเลยก่อน ซึ่งศาลต้องวินิจฉัยและชี้ขาดว่าข้ออ้างของจำเลยไม่เป็นความจริง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
การที่จำเลยยิงผู้ตายแล้วไปมอบตัวแก่เจ้าพนักงานตำรวจพร้อมกับมอบปืนที่ใช้ยิงให้ด้วย โดยแจ้งเหตุว่าจำเลยยิงผู้ตายบาดเจ็บสาหัสไม่ได้แจ้งว่าผู้ตายจะยิงจำเลย จำเลยจึงยิงเป็นการป้องกันตัวซึ่งเป็นข้อความอันเป็นเท็จมาแต่แรก ถือได้ว่าเป็นการลุแก่โจทก์ต่อเจ้าพนักงานมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นตายโดยเจตนา แม้จะอ้างป้องกันสิทธิ ก็ต้องพิจารณาเหตุผลและพฤติการณ์ที่สมเหตุสมผล
จำเลยรู้ตัวว่าผู้ตายจะเข้ามาหาจำเลย จำเลยห้ามและเตรียมปืนไว้เพื่อยิงผู้ตาย ผู้ตายมาเคาะประตูห้องนอนเรียกให้เปิดประตู จำเลยถือปืนเตรียมพร้อมแล้วเปิดประตู ผู้ตายจะก้าวเข้ามา จำเลยพูดว่าไม่ต้องเข้ามาและยิงปืนไปทันที ดังนี้ เห็นว่าผู้ตายไปหาจำเลยตามที่เคยกระทำมา แม้จำเลยจะห้ามก็ไม่ทำให้ผู้ตายเข้าใจว่าเป็นจริงจัง เมื่อผู้ตายไปหาจำเลยก็เคาะประตูเรียกหาใช่ใช้กำลังดึงดันจะเข้าไปให้ได้ไม่ จะว่าเป็นการประทุษร้ายอันผิดกฎหมายหาได้ไม่ หากจำเลยไม่คิดฆ่านายเหรียญผู้ตายเพียงแต่ไม่เปิดประตู และแสดงความไม่ยินยอมให้เห็นอย่างจริงจัง ผู้ตายก็คงยังเข้าไปทำอันตรายแก่จำเลยไม่ได้ แต่จำเลยกลับเปิดประตูห้อง ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ตายจะต้องเข้าไป พอผู้ตายเข้าไปจำเลยก็ยิงทันที การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำของเจ้าพนักงานตำรวจในการยิงผู้ต้องสงสัยกบฎ ไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้นโทษตาม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
เมื่อปรากฎว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจยิงผู้ตายซึ่งถูกสงสัยว่าจะมีส่วนร่วมกับการกบฎยึดวังหลวง (26 กุมภาพันธ์ 2492) ขณะอยู่กับบ้านตามปกติ ไม่มีพฤติการณ์แสดงว่าผู้ตายต่อสู้ขัดขวางการตรวจค้รและการเชิญไปสอบสวนแล้วก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอันเกี่ยวเนื่องจากการป้องกัน ระงับหรือปราบปราบการกบฎ อันจะได้รับยกเว้นโทษตามพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในโอกาส 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2499 มาตรา 4
of 2