พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กลฉ้อฉลในการเช่าที่ดิน: สิทธิการเช่าระงับเมื่อผู้เช่าถึงแก่กรรมและไม่ได้ต่อสัญญา
ซ.เช่าที่ดินจากการรถไฟฯ แล้วปลูกห้องลงบนที่ดินที่เช่า. ซ.ตาย ทายาททำสัญญาแบ่งปันทรัพย์มรดก. โจทก์ที่ 1 รับมรดก และโจทก์ที่ 2,3 รับโอนทรัพย์มรดกมาจากทายาท.โจทก์ไม่ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินจากการรถไฟฯ. จำเลยยื่นหนังสือขอโอนสิทธิการเช่าที่ดินต่อการรถไฟฯ. ในนาม ซ. ให้จำเลย. และจำเลยก็ยื่นหนังสือขอรับโอนสิทธิการเช่าที่ดินต่อจาก ซ. ดังนี้. เป็นเรื่องจำเลยใช้อุบายหลอกลวงการรถไฟฯ. ให้ทำสัญญาเช่ากับจำเลยซึ่งเป็นการแสดงเจตนาอันได้มาเพราะกลฉ้อฉล. ซึ่งเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 121. บุคคลที่จะบอกล้างนิติกรรมอันเป็นโมฆียะก็คือการรถไฟฯ. ซึ่งเป็นผู้ได้ทำการแสดงเจตนาโดยวิปริต. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 137. ตราบใดที่การรถไฟฯ ยังมิได้บอกล้างนิติกรรมที่ได้ทำขึ้น. ก็ยังถือว่าเป็นนิติกรรมที่สมบูรณ์. โจทก์ในคดีนี้แม้จะฟังว่าเป็นผู้รับมรดกนายซิวก็ตาม. แต่เมื่อปรากฏว่าสัญญาเช่าระหว่างการรถไฟฯ กับนายซิวมีอายุการเช่าเพียง 1 ปี. และต้องทำสัญญาเช่าใหม่ทุกปี.หลังจากนายซิวตายแล้วสัญญาเช่าระหว่างการรถไฟฯ.กับนายซิวจึงเป็นอันระงับ. เพราะการตายของนายซิว. และสิ้นกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้. โจทก์มิได้ทำสัญญาเช่าที่ดินต่อการรถไฟฯ. จึงไม่ใช่ผู้มีสิทธิในการเช่าที่ดิน. โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งบังคับให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินให้โจทก์. และไม่มีสิทธิจะขอให้ศาลสั่งทำลายเอกสารต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการเช่าที่ดิน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1158/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้อำนาจเจ้าพนักงานการพิมพ์สั่งระงับหนังสือพิมพ์ การพิจารณาคำร้อง และการใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย
โจทก์เป็นเจ้าของ ผู้จัดการ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานการพิมพ์ ได้สั่งถอนใบอนุญาตมิให้โจทก์ดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์มานานเกือบครึ่งปี ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือขอให้จำเลยพิจารณาเรื่องที่โจทก์ขอให้สั่งให้เปิดดำเนินการต่อไป จำเลยได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาโดยอาศัยเหตุผลต่างๆ แล้วยังไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินการดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ป้องกันหรือขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมายหรือคำสั่งแต่อย่างใด เพราะจำเลยได้ปฏิบัติการไปตามอำนาจหน้าที่ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาเนื่องจากกรรมเดียวกัน และการพิจารณาโทษจำเลยที่กระทำผิดซ้ำ
ปัญหาเรื่องสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จะระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4) หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ซึ่งศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง แต่ปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบในศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ฐานช่วยเหลือซ่อนเร้นเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม โดยมิได้ยกปัญหาข้อเท็จจริงขึ้นกล่าวอ้างว่า ฟ้องโจทก์เป็นการกระทำกรรมเดียวกันกับคดีก่อน ศาลอุทธรณ์จะหยิบปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับตามมาตรา 39 (4) จึงไม่อาจรับฟังได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้องโจทก์จึงเป็นการไม่ชอบ