พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1639/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งทางทะเล การฟ้องขาดอายุความ และการแบ่งแยกมูลละเมิดกับมูลการรับขน
พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 39 อันเป็นบทมาตราที่กำหนดความรับผิดของผู้ขนส่งบัญญัติให้อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 58 ที่บัญญัติให้จำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งไว้โดยเฉพาะ ส่วนที่มาตรา 58 บัญญัติให้การจำกัดความรับผิดต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติมาตรา 60 (1) ที่จะไม่นำข้อจำกัดความรับผิดมาใช้นั้นต้องเป็นเรื่องที่ผู้ขนส่งมีความบกพร่องอย่างร้ายแรง เมื่อความเสียหายของสินค้าเกิดจากการขนถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ที่ไม่ระมัดระวังทำให้เกิดการกระแทกเป็นเหตุให้ลังไม้ที่บรรจุสินค้า 1 ลัง แตกหัก สินค้าหลุดออกมาจากลังไม้ได้รับความเสียหาย จำเลยหรือตัวแทนไม่ได้กระทำหรืองดเว้นกระทำการประการใด โดยมีเจตนาที่จะให้เกิดการเสียหายหรือโดยละเลยหรือไม่เอาใจใส่ทั้งที่รู้ว่าการเสียหายนั้นอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะตกอยู่ในบังคับแห่งมาตรา 60 (1) ดังนี้ จำเลยย่อมได้รับประโยชน์ในการจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งตามมาตรา 58
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ขนส่งทางทะเลจากที่แห่งหนึ่งนอกราชอาณาจักรมายังที่อีกแห่งหนึ่งในราชอาณาจักร จึงต้องนำ พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 39 ประกอบด้วยมาตรา 58 และ 60 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติถึงความรับผิดของผู้ขนส่งที่รวมถึงกรณีละเมิดด้วยแล้วไว้โดยเฉพาะมาใช้บังคับ จะนำลักษณะละเมิดของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับไม่ได้
การขนส่งสินค้าครั้งพิพาทเป็นการขนส่งภายใต้เงื่อนไขให้ผู้ส่งนำสินค้าไปมอบให้แก่ผู้ขนส่ง จากนั้นผู้ขนส่งเป็นผู้บรรจุสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์เอง โดยนำสินค้าของผู้ส่งหลายรายรวมไว้ในตู้เดียวกัน เมื่อถึงปลายทางผู้ขนส่งเป็นผู้เปิดตู้คอนเทนเนอร์เอง แล้วนำสินค้าของผู้ส่งแต่ละรายไปเก็บไว้ในคลังสินค้ารอผู้รับตราส่งมารับสินค้า บริษัท ท. นำใบสั่งปล่อยสินค้าไปดำเนินวิธีทางศุลกากรและออกของ และไปติดต่อขอรับสินค้าจากคลังสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่จากการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่า สินค้าได้รับความเสียหาย จึงต้องถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่ผู้ขนส่งได้ส่งมอบสินค้าที่แท้จริงให้แก่ผู้รับตราส่ง ตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 40 (1) กรณีไม่ใช่เป็นการส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ให้แก่ผู้รับตราส่งที่ลานวางตู้คอนเทนเนอร์เพื่อรับตู้ไปเปิดเอง ซึ่งจะเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ที่ลานวางตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือตามมาตรา 40 (3)
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะผู้ขนส่งทางทะเลจากที่แห่งหนึ่งนอกราชอาณาจักรมายังที่อีกแห่งหนึ่งในราชอาณาจักร จึงต้องนำ พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 39 ประกอบด้วยมาตรา 58 และ 60 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติถึงความรับผิดของผู้ขนส่งที่รวมถึงกรณีละเมิดด้วยแล้วไว้โดยเฉพาะมาใช้บังคับ จะนำลักษณะละเมิดของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับไม่ได้
การขนส่งสินค้าครั้งพิพาทเป็นการขนส่งภายใต้เงื่อนไขให้ผู้ส่งนำสินค้าไปมอบให้แก่ผู้ขนส่ง จากนั้นผู้ขนส่งเป็นผู้บรรจุสินค้าเข้าตู้คอนเทนเนอร์เอง โดยนำสินค้าของผู้ส่งหลายรายรวมไว้ในตู้เดียวกัน เมื่อถึงปลายทางผู้ขนส่งเป็นผู้เปิดตู้คอนเทนเนอร์เอง แล้วนำสินค้าของผู้ส่งแต่ละรายไปเก็บไว้ในคลังสินค้ารอผู้รับตราส่งมารับสินค้า บริษัท ท. นำใบสั่งปล่อยสินค้าไปดำเนินวิธีทางศุลกากรและออกของ และไปติดต่อขอรับสินค้าจากคลังสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย จึงได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่จากการท่าเรือแห่งประเทศไทยว่า สินค้าได้รับความเสียหาย จึงต้องถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่ผู้ขนส่งได้ส่งมอบสินค้าที่แท้จริงให้แก่ผู้รับตราส่ง ตาม พ.ร.บ.การรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 มาตรา 40 (1) กรณีไม่ใช่เป็นการส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ให้แก่ผู้รับตราส่งที่ลานวางตู้คอนเทนเนอร์เพื่อรับตู้ไปเปิดเอง ซึ่งจะเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ที่ลานวางตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือตามมาตรา 40 (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4449/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มูลประกันภัยการรับขน: ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาสินค้า
การประกันภัยในการรับขนมีวิธีการเฉพาะซึ่งแตกต่างจากการประกันภัยทั่วไป เพราะราคาแห่งมูลประกันภัยหรือส่วนได้เสียสำหรับการประกันภัยในการรับขนตาม ป.พ.พ. มาตรา 884 วรรคหนึ่ง ไม่ใช่หมายความเพียงแต่เฉพาะราคาค่าสินค้าเท่านั้น แต่ยังอาจรวมถึงค่าระวางขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่น ๆแล้วแต่กรณีด้วย
เครื่องพิมพ์ซองพิพาทมีราคาซีแอนด์เอฟจำนวน 71,681ปอนด์สเตอร์ลิง ส่วนราคาที่โจทก์เอาประกันภัยกับผู้ร้องสอดมีจำนวน 78,849ปอนด์สเตอร์ลิง เมื่อคำนวณแล้วเท่ากับว่าราคาที่เอาประกันภัยนั้นเป็นร้อยละ 110ของราคาสินค้า แสดงว่าส่วนที่เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ของราคาสินค้าดังกล่าวก็คือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่รวมเป็นมูลประกันภัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติในทางปฏิบัติสำหรับการประกันภัยในการขนส่งสินค้า ดังนี้ เงินจำนวน 187,610 บาท ที่โจทก์เรียกว่าเป็น "ค่าเรียกร้อง" คือจำนวนร้อยละ 10 ของราคาเครื่องพิมพ์พิพาทที่เสียหายจำนวน 1,876,100 บาท จึงฟังได้ว่าค่าเรียกร้องดังกล่าวก็คือ ค่าใช้จ่ายอันถือเป็นส่วนหนึ่งของมูลประกันภัย เป็นส่วนได้เสียซึ่งผู้ร้องสอดได้รับประกันภัยกับโจทก์ด้วย ตามมาตรา 884 วรรคหนึ่ง ดังกล่าว
เครื่องพิมพ์ซองพิพาทมีราคาซีแอนด์เอฟจำนวน 71,681ปอนด์สเตอร์ลิง ส่วนราคาที่โจทก์เอาประกันภัยกับผู้ร้องสอดมีจำนวน 78,849ปอนด์สเตอร์ลิง เมื่อคำนวณแล้วเท่ากับว่าราคาที่เอาประกันภัยนั้นเป็นร้อยละ 110ของราคาสินค้า แสดงว่าส่วนที่เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ของราคาสินค้าดังกล่าวก็คือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่รวมเป็นมูลประกันภัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติในทางปฏิบัติสำหรับการประกันภัยในการขนส่งสินค้า ดังนี้ เงินจำนวน 187,610 บาท ที่โจทก์เรียกว่าเป็น "ค่าเรียกร้อง" คือจำนวนร้อยละ 10 ของราคาเครื่องพิมพ์พิพาทที่เสียหายจำนวน 1,876,100 บาท จึงฟังได้ว่าค่าเรียกร้องดังกล่าวก็คือ ค่าใช้จ่ายอันถือเป็นส่วนหนึ่งของมูลประกันภัย เป็นส่วนได้เสียซึ่งผู้ร้องสอดได้รับประกันภัยกับโจทก์ด้วย ตามมาตรา 884 วรรคหนึ่ง ดังกล่าว