คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การส่งโดยชอบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4293/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถือเป็นการส่งโดยชอบ ผู้รับแทนที่อายุเกิน 20 ปี และอยู่บ้านเดียวกันมีผลผูกพันกับจำเลย
คดีนี้หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องได้ส่งให้แก่จำเลยที่ 2 โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ จึงมีผลเสมือนว่าเจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 73 ทวิ เมื่อ ร. ซึ่งเป็นภรรยาของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีอายุเกิน 20 ปี และอยู่บ้านเดียวกันได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2546 ตามรายงานเจ้าหน้าที่และใบตอบรับในประเทศ ย่อมถือได้ว่ามีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 โดยชอบแล้ว ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 76 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 2 อาจยื่นคำให้การได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันดังกล่าวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคหนึ่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 18 พฤษภาคม 2546 การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การในวันที่ 29 พฤษภาคม 2546 จึงเป็นการยื่นคำให้การเกินกำหนด 15 วัน ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับเช่นนี้ หาใช่เป็นการส่งโดยวิธีอื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับคดี ณ ที่ตั้งสำนักงานจดทะเบียน แม้เป็นสถานที่ร้าง ถือเป็นการส่งโดยชอบ หากไม่มีข้อโต้แย้งในชั้นศาล
หนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลยระบุว่าจำเลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 34/5 ซอยสุวิทย์ 2 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลูเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานของจำเลยหรือแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่แต่อย่างใด จึงต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามหนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลย ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานศาลได้ส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลย ณ สถานที่ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนดังกล่าว โดยวิธีปิดคำบังคับและปิดหมายบังคับคดีไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น แม้สถานที่นั้นจะเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ก็ตาม ก็ถือได้ว่ามีการส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว
จำเลยฎีกาว่า ในการส่งคำบังคับ หมายบังคับคดีและประกาศต่าง ๆ ให้จำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ประกาศหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด จึงเป็นการบังคับคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ได้ใช้วิธีการโดยสมควรพอที่จะให้จำเลยทราบได้นั้น จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างไว้ในคำร้อง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและแจ้งวันนัดพิจารณาโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยย้ายที่อยู่และไม่สามารถส่งโดยตรงได้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วน ผู้จัดการตามหนังสือรับรองและสำเนาทะเบียนบ้านระบุว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 7 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยที่ 1ยังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานใหญ่และจำเลยที่ 3 ก็ยังไม่ได้แจ้งย้ายไปอยู่ที่อื่น ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนา ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ตามที่จดทะเบียนไว้และจำเลยที่ 3 มีภูมิลำเนาตามที่ระบุไว้ในสำเนาทะเบียนบ้านการที่โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยที่ 1และที่ 3 ณ บ้านเลขที่ดังกล่าวโดยวิธีปิดหมายตามคำสั่งศาลเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว สำหรับจำเลยที่ 2 ครั้งแรกโจทก์ส่งหมายเรียกและสำเนา คำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 100/20 หมู่ที่ 8ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม แต่ส่งให้ไม่ได้เพราะจำเลยที่ 2 ได้ขายไปแล้ว โจทก์ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าจำเลยที่ 2 แจ้งย้ายออกไปอยู่บ้านเลขที่ 30/5 ตำบลสะเต็งอำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา แต่เมื่อโจทก์ไปขอคัดสำเนาทะเบียนบ้าน ปรากฏว่าไม่มีบ้านเลขที่ดังกล่าว ในการไต่สวนจำเลยที่ 2 อ้างสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งระบุว่า จำเลยที่ 2 ย้ายจากบ้านเลขที่ 100/20 แต่เจ้าหน้าที่ทะเบียน ก็มาเบิกความว่าไม่มีบ้านเลขที่ตามเอกสารหมาย ล.1 นั้น ในทะเบียนราษฎร ถือว่าจำเลยที่ 2 ไม่ปรากฏภูมิลำเนา เป็นกรณีที่การส่งคำคู่ความหรือเอกสารไม่สามารถกระทำได้โดย วิธีธรรมดา การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ประกาศโฆษณาทาง หนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีธรรมดา จึงเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมาย วันนัดพิจารณานัดแรกโจทก์ขอเลื่อนคดี ศาลอนุญาตพร้อมมีคำสั่งให้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 2 ทราบที่หน้าศาลและออกหมายนัดแจ้งจำเลยที่ 1 ที่ 3 ทราบโดยวิธีปิดหมาย เมื่อถึงวันนัดจำเลยทั้งสามไม่มาศาล จึงถือว่าจำเลยทั้งสามขาดนัดพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3725-3726/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดโดยปิดหมายที่ภูมิลำเนาทนายความที่ย้ายออกไปแล้ว ถือเป็นการส่งโดยชอบหรือไม่ และผลของการไม่มาศาล
ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และแจ้งให้ผู้ร้องนำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระเพิ่มในวันนัดโดยวิธีปิดหมายณ สำนักงานของทนายผู้ร้องตามที่ปรากฏในสำนวน เมื่อปรากฏว่าทนายผู้ร้องได้ย้ายสำนักงานออกไปก่อนมีการปิดหมายนัด ถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายโดยชอบ การที่ผู้ร้องไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และมิได้นำเงินค่าขึ้นศาลไปชำระเพิ่มในวันนัดตามคำสั่งศาลชั้นต้นจึงไม่เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือไม่ได้ว่าผู้ร้องทิ้งอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีโดยไม่มีเหตุตามกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นที่ผู้ร้องอุทธรณ์ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3609/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาและการส่งหมายเรียก: การส่งหมายโดยชอบ แม้จำเลยพักอาศัยต่างถิ่น
จำเลยมีชื่อถือภูมิลำเนาในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องแต่จำเลยไปพักอยู่ที่จังหวัดอื่นโดยมิได้โอนทะเบียนบ้านไปด้วยทั้งในคดีที่จำเลยฟ้องผู้อื่น จำเลยก็ระบุภูมิสำเนาตามทะเบียนบ้านดังกล่าว จำเลยจึงมีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านนั้นการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้แก่จำเลยตามภูมิลำเนาดังกล่าวโดยการปิดหมายตามคำสั่งศาลจึงเป็นการส่งหมายโดยชอบ เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ก็ไม่มีเหตุที่จะอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามคำขอของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11492/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาโดยการปิดหมายที่ภูมิลำเนาเดิมของจำเลยที่ย้ายที่อยู่แล้ว ถือเป็นการส่งโดยชอบหรือไม่
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้จำเลยทราบโดยการปิดหมายนั้น หากเป็นการปิดหมาย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายไปจากภูมิลำเนานั้นก่อนแล้วย่อมเป็นการส่งโดยชอบ และเมื่อครบกำหนด 15 วันแล้ว ย่อมมีผลใช้ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 กรณีของจำเลยแม้ได้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันที่ 27 มิถุนายน 2554 ให้จำเลยทราบ โดยการปิดหมาย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยตามฟ้องของโจทก์ก็ตาม แต่ตามรายงานเจ้าหน้าที่ฉบับลงวันที่ 4 เมษายน 2554 เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่า ในการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันที่ 25 เมษายน 2554 ให้จำเลยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ส่งไม่ได้เพราะจำเลยย้ายที่อยู่ใหม่ ดังนี้ ก่อนศาลชั้นต้นจะเลื่อนวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ออกไป และหมายนัดจำเลยมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 โดยให้เจ้าพนักงานศาลส่งโดยวิธีปิดหมายนั้น ศาลชั้นต้นต้องแจ้งให้โจทก์แถลงให้ศาลชั้นต้นทราบเสียก่อนว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาตามคำฟ้องของโจทก์หรือไม่ แต่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการดังกล่าวกลับมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานศาลส่งหมายนัดให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายตามภูมิลำเนาของจำเลยในคำฟ้องของโจทก์ ทั้งกรณีมิใช่หน้าที่ของจำเลยที่ต้องแถลงที่อยู่ให้ศาลทราบ ข้อเท็จจริงตามรายงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวย่อมเป็นกรณีที่จำเลยได้ย้ายภูมิลำเนาตามคำฟ้องของโจทก์ไปแล้วก่อนมีการปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันที่ 27 มิถุนายน 2554 แม้จะปิดหมายครบ 15 วัน แล้วก็ไม่มีผลใช้ได้ตามกฎหมาย และถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้จำเลยทราบโดยชอบ การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันที่ 27 มิถุนายน 2554 และศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ทั้งการที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลับหลังจำเลยหลังจากออกหมายจับจำเลยเกินกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันดังกล่าวและถือไม่ได้ว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้จำเลยฟังโดยชอบแล้ว