พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12013/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแย้งโดยชอบด้วยกฎหมายและการนับระยะเวลาการยื่นคำให้การแก้ฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอส่งและปิดหมายเรียกและสำเนาคำให้การและฟ้องแย้งให้ทนายโจทก์ ศาลจึงมีคำสั่งให้ส่งสำเนาและหมายเรียกโจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง โดยส่งแก่ทนายโจทก์แทนตามที่ขอ ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่การส่งคำคู่ความตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฯ มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 83 ทวิ และมาตรา 83 ฉ แต่เป็นกรณีของการส่งคำคู่ความให้แก่ทนายความที่คู่ความแต่งตั้งให้ว่าคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฯ มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 75 ซึ่งถือว่าเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมาย และการส่งสำเนาคำให้การและฟ้องแย้งให้แก่ทนายโจทก์โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ มีผลเสมือนว่าเจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่งตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฯ มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 73 ทวิ เมื่อ พ. ซึ่งอายุเกิน 20 ปี และอยู่บ้านหรือสำนักงานเดียวกันกับทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำให้การและฟ้องแย้งดังกล่าวแทนทนายโจทก์เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2546 ย่อมถือได้ว่ามีการส่งสำเนาคำให้การและฟ้องแย้งให้แก่โจทก์โดยชอบแล้วตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฯ มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 76 วรรคหนึ่ง และโจทก์อาจยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันดังกล่าวตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฯ มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 178 วรรคหนึ่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายน 2546 การที่โจทก์ยื่นคำให้การวันที่ 29 ตุลาคม 2546 จึงเกินกำหนด 15 วัน ตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับคำให้การแก้ฟ้องแย้งของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่า: การส่งหนังสือบอกกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้รับไม่ยอมรับ ถือเป็นการแจ้งเจตนาที่สมควร
ผู้ให้เช่ามอบให้ทนายความบอกเลิกการเช่ากับผู้เช่า ทนายได้ใช้คนนำหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาไปส่งแก่ผู้เช่ายัง สถานที่เช่า ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของผู้เช่า 2 ครั้ง ๆ แรกไม่พบ ครั้งที่ 2 ก็ไม่พบผู้เช่า จึงได้ให้คนอื่นที่ไปด้วยอธิบายบอก กล่าวที่ผู้ให้เช่าขอเลิกสัญญาเช่า ให้คนในที่นั้นทราบเป็นภาษาจีนคนในร้านผู้เช่าก็คงไม่ยอมรับหนังสือนั้นไว้อีก ทนายยังได้จัดการสือหนังสือนั้นไปยังผู้เช่าโดยทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับสลักหลังซองส่งยังสถานที่เช่ารายนี้อันเป็นถิ่นที่อยู่ของผู้เช่าอีกครั้งหนึ่งก็ ปรากฎว่าคนในที่นั้นหายอมรับหนังสือนั้นไม่ ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ให้เช่าพยายามส่งคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่ารายนี้ไปยังผู้เช่า เพื่อให้ผู้เช่าทราบโดยสมควรเท่าที่พอจะทำได้อยู่แล้ว ถือได้ว่าผู้ให้เช่าได้แสดงเจตนาในการนี้ไปยังผู้เช่าโดยชอบแล้ว มีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลได้.