คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การอนาจาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505-506/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวการร่วมในความผิดพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร ต้องแสดงการร่วมกระทำในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ
การเข้าร่วมกระทำความผิดด้วยกันที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นตัวการจะต้องเป็นการเข้าร่วมในระหว่างที่มีการกระทำความผิดแต่เมื่อไม่ปรากฏว่าระหว่างที่ อ. กับ น. ไปรับผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ออกมาจากบ้านจนถึงเวลาที่นำผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุนั้นจำเลยทั้งสองได้มีส่วนร่วมรู้เห็นหรือร่วมกระทำการด้วยทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองร่วมคบคิดหรือนัดแนะกับ อ.และ น. อยู่ก่อนแล้วในการที่ อ. กับ น. จะพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแม้จำเลยทั้งสองได้ตามไปยังบ้านที่เกิดเหตุและได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกับ อ. และ น. พาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดหาเพื่อการอนาจาร: การกระทำที่ไม่เข้าข่ายธุระจัดหา
ร้านเกิดเหตุเป็นร้านขายสุราอาหาร ไม่ใช่สำนักโสเภณีที่เจ้าพนักงานตำรวจปลอมตัวไปเป็นลูกค้าขอร่วมประเวณีกับ บ. ก็เป็นการพูดจาชักชวนกัน และตกลงกันเองระหว่างทั้งสองคน ไม่ปรากฎว่าจำเลยเข้าไปมีส่วนจัดการเลย การที่จำเลยสั่งให้หญิงบริการไปบริการลูกค้าเป็นปกติของการค้า ส่วนที่จำเลยรับเงินจาก บ. เป็นเพียงทำหน้าที่พนักงานเก็บเงินของร้าน จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่ง บ. เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: การหนีตามกันเพื่ออยู่กินฉันสามีภริยา ไม่เข้าข่ายความผิด
ได้ความจากพยานโจทก์และจำเลยว่า จำเลยกับผู้เสียหายหนีตาม กันไปเพื่ออยู่กินร่วมกันฉัน สามีภริยา จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยพรากผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 93/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: เลิกเป็นสามีภริยาก่อนแล้ว ไม่ถือเป็นการพราก
จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งมีอายุ16ปีเศษและเป็นน้องสาวของภริยาโดยพฤตินัยของจำเลยไปอยู่กินฉันสามีภริยากันจนมีบุตรด้วยกันหนึ่งคนโดยก่อนเกิดเหตุจำเลยได้เลิกเป็นสามีภริยากับพี่สาวผู้เสียหายเป็นเวลาหลายเดือนแล้วแสดงว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปโดยตั้งใจจะเลี้ยงดูเป็นภริยาจริงไม่เป็นการพรากไปเพื่อการอนาจาร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 197/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร: ความสมัครใจของผู้เสียหายและการแสดงเจตนาเป็นภรรยา
จำเลยไม่เคยมีภรรยา ได้รักใคร่ชอบพอกับผู้เสียหายผู้เสียหายหนีบิดามาอยู่กับจำเลยโดยสมัครใจเป็นเวลาประมาณ6 เดือน แล้วจึงกลับไปอยู่กับบิดาเนื่องจากถูกมารดาจำเลยขับไล่มิใช่เพราะถูกจำเลยทอดทิ้ง หลังจากนั้นบิดาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีกับจำเลยข้อหาพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร จำเลยส่งญาติผู้ใหญ่ไปทำพิธีขอขมา บิดาผู้เสียหายยอมรับการขอขมาและยอมรับว่าจำเลยเป็นบุตรเขย จำเลยอยู่บ้านผู้เสียหายหนึ่งคืนแล้วออกจากบ้านผู้เสียหายไปทำนาที่จังหวัดนครปฐมและไม่กลับไปหาผู้เสียหายอีกเลย ผู้เสียหายเองก็ไม่ต้องการกลับไปอยู่กินกับจำเลยที่บ้านของจำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยาหาใช่เพื่อการอนาจารไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ไม่ได้เต็มใจ ศาลปรับบทลงโทษตามมาตรา 319
จำเลยได้เสียกับผู้เยาว์อายุ 16 ปี แล้วชวนผู้เยาว์ไปอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ไปจะเปิดเผยเรื่องที่ได้เสียกัน ผู้เยาว์กลัวคำขู่จึงยอมไปกับจำเลย จะถือว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยกับจำเลยหาได้ไม่
หลังจากจำเลยได้พาผู้เยาว์ตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ แล้วจำเลยจะให้ผู้เยาว์ไปมีอาชีพเป็นหญิงนั่งชั่วโมงตามร้านอาหาร ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับกามารมณ์ มิใช่จำเลยมุ่งหมายจะเลี้ยงดูผู้เยาว์เป็นภรรยา จึงถือได้ว่าจำเลยพาผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319แม้ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 318 ศาลก็ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 ได้ (อ้างฎีกาที่119/2517)
ในชั้นฎีกาคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ซึ่งศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วนั้น ถ้าข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้นไม่พอแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาย่อมหยิบยกข้อเท็จจริงอื่นๆ ในสำนวนขึ้นพิจารณาประกอบได้ (อ้างฎีกาที่ 1094/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4057/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานค้ามนุษย์และพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร การปรับบทความผิดตามกฎหมาย
การพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารอันจะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคสอง ต้องเป็นการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของตนเองหรือผู้ร่วมกระทำความผิดกับตน เมื่อจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันเป็นธุระจัดหาและพาผู้เสียหายที่ 1 ไปเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี อันเป็นการกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น มิใช่เพื่อสนองความใคร่ของจำเลยทั้งสองกับพวก การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสาม แต่ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 283 ทวิ วรรคสอง ส่วนความผิดฐานร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อให้กระทำการค้าประเวณี โดยขู่เข็ญ ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ ฐานค้ามนุษย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป และฐานเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็ญ ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ อันเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษจำเลยทั้งสองฐานเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็ญ ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ ตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสาม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้