คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การเกษตร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6133/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ข้าวเปลือก: การพิสูจน์ความผิดและองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์จากการเกษตร
จำเลยในคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งของศาลชั้นต้นกับจำเลยคดีนี้เป็นบุคคลคนเดียวกัน แม้พวกคนร้ายจะเป็น ชุดเดียวกันและกระทำการลักทรัพย์ติดต่อกัน แต่เป็นการลักทรัพย์ของผู้เสียหายคนละคนกับผู้เสียหายอีกคนหนึ่ง ทรัพย์ก็มิได้รวมอยู่ด้วยกันแต่อยู่ห่างกันเป็นร้อยเมตร อันเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน จึงมิใช่เป็นเหตุในลักษณะแห่งคดีเดียวกันซึ่งศาลจะต้องรับฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างเดียวกัน
แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นขณะคนร้ายลักข้าวเปลือกของผู้เสียหาย แต่โจทก์มีพยานเบิกความว่า เห็นรถยนต์ของคนร้ายบรรทุกกระสอบใส่ข้าวเปลือกมีชื่อ อ. ติดอยู่ที่กระสอบซึ่งเป็นกระสอบที่ใช้ใส่ข้าวเปลือกบริเวณบ้านผู้เสียหายมาติดหล่มอยู่ห่างจากกองกระสอบข้าวเปลือกของผู้เสียหายประมาณ 500 เมตร สงสัยว่าจะเป็นกระสอบข้าวของผู้เสียหาย เมื่อรถคนร้ายไปแล้วพยานจึงได้ไปบอกผู้เสียหายในเวลาใกล้เคียงกัน ผู้เสียหายพบว่าข้าวเปลือกหายไป 6 กระสอบ จึงไปแจ้งความและอีก 1 สัปดาห์ต่อมา เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจนำกระสอบข้าวซึ่งผู้รับซื้อข้าวเปลือกจาก ส. และจำเลยมาให้ผู้เสียหายดูแล้ว ผู้เสียหายจำได้ว่าเป็นกระสอบใส่ข้าวเปลือกของตน ตามพฤติการณ์ที่จำเลยเป็นผู้พาไปติดต่อรถยนต์มาบรรทุกข้าวในคืนเกิดเหตุ เมื่อได้รถยนต์แล้วก็มิได้ไปขนข้าวทันทียังได้ไป พบพวกซึ่งรออยู่ที่ร้านกาแฟแล้วเปลี่ยนไปนั่งกินข้าวต้ม จนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนจึงเดินทางไปขนข้าว และตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การว่าคืนเกิดเหตุขนข้าวไปเก็บไว้ที่บ้านจำเลยก่อน รุ่งขึ้นจำเลยก็ยังได้พา ส. ไปขายข้าวด้วย ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยและ ส. ได้พร้อมกันที่บ้านจำเลย เมื่อพิจารณาประกอบ คำรับสารภาพของจำเลยตามบันทึกการจับกุมแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยร่วมกันพวกคนร้ายลักข้าวเปลือกของ ผู้เสียหายไปจริง
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (12) นอกจากเจ้าทรัพย์จะต้องเป็นผู้มีอาชีพกสิกรรมแล้ว จะต้องได้ความอีกว่า ทรัพย์ที่ถูกลักนั้นเป็นผลิตภัณฑ์พืชพันธ์หรือสัตว์ หรือเครื่องมืออันมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมหรือได้มาจากการประกอบกสิกรรมด้วย
ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าข้าวเปลือกที่จำเลยกับพวกลักไปเป็นผลิตภัณฑ์หรือพืชพันธ์ซึ่งผู้เสียหายมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรม หรือได้มาจากการกสิกรรม จึงไม่ต้องด้วย ป.อ. มาตรา 335 (12) ศาลจึงไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดตามมาตรา 335 (12) ได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8602/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับปรุงที่ดินเช่าเพื่อทำการเกษตร การกระทำเป็นการใช้ทรัพย์ตามประเพณี ไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
ที่ดินของโจทก์และจำเลยอยู่ติดกัน จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อทำสวนส้มในที่ดินทั้งของโจทก์และจำเลย โดยจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ มีกำหนดการเช่า 22 ปี จำเลยได้ทำการขุดดินจากที่ดินของโจทก์ไปถมในที่ดินของจำเลย เพื่อให้ที่ดินของโจทก์และจำเลยมีระดับพื้นดินเท่ากัน เมื่อพิจารณาถึงสภาพภูมิประเทศรวมถึงที่ตั้งของที่ดิน ทั้งสองแปลงดังกล่าวแล้วพบว่าเป็นที่ราบลุ่ม หากปีใดมีฝนตกมากอาจเกิดน้ำท่วม บางปีก็แล้งน้ำ การทำสวนผลไม้จึงต้องขุดร่องน้ำเพื่อเก็บกักน้ำและทำคันดินกั้นน้ำรอบสวนด้านนอก เพื่อป้องกันน้ำท่วม อีกทั้งในการขุดร่องน้ำนี้ต้องเกลี่ยหน้าดินในแปลงให้มีระดับพื้นดินเท่ากันก่อนจึงจะขุดร่องน้ำและทำคันดินกั้นน้ำได้ การที่จำเลยขุดหน้าดินใน ที่ดินของโจทก์แล้วนำไปถมในที่ดินของจำเลย จึงเป็นการปรับปรุงที่ดินทั้งของโจทก์และของจำเลยให้มีสภาพ เหมาะสมแก่การทำสวนส้ม การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้ทรัพย์ที่เช่าตามประเพณีนิยมปกติ และเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว โจทก์สามารถเรียกร้องให้จำเลยปรับแต่งหน้าดินให้เรียบหรือให้คงไว้ในสภาพเดิมได้ จึงถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาเช่าต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภรรยาจากการกู้เงินเพื่อการเกษตร และการรับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้
การที่จำเลยที่ 2 ได้ให้คำรับรองต่อธนาคารผู้ให้กู้ว่าจำเลยที่ 2 ทำงานเกษตรกับจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามีและรับผูกพันว่าเงินที่จำเลยที่ 1 กู้นั้นเป็นเงินที่นำไปเพื่อใช้ในการเกษตรหนี้เงินกู้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้อันเนื่องจากการงานซึ่งสามีภรรยาทำด้วยกัน จำเลยทั้งสองจึงมีฐานะเป็นลูกหนี้ร่วม แม้จำเลยที่ 2ไม่ได้ลงชื่อในหนังสือกู้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็ตาม เมื่อโจทก์ซึ่งมีความผูกพันร่วมกับจำเลยที่ 1 ได้ใช้หนี้ของจำเลยที่ 1 ให้แก่ธนาคารผู้ให้กู้ไปแล้วโจทก์ย่อมรับช่วงสิทธิของธนาคารผู้ให้กู้ที่มีต่อจำเลยทั้งสอง แม้จำเลยที่ 2 จะไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ แต่จำเลยที่ 2 เป็นลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1จึงรับผิดต่อโจทก์ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3150/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความหนี้, สภาพหนี้, การค้ำประกัน, และข้อยกเว้นอากรแสตมป์ในหนี้เพื่อการเกษตร
โจทก์เป็นกรมในรัฐบาล มิได้ทำการขายปุ๋ยแก่บุคคลทั่วไปแต่รัฐบาลได้จัดทำโครงการช่วยเหลือเกษตรกรโดยให้โจทก์จัดหาปุ๋ยมาขายแก่เกษตรกรในราคาถูก การขายสินค้าของโจทก์มิใช่เป็นการหากำไร โจทก์จึงมิใช่พ่อค้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (1)ทั้งมิใช่เป็นบุคคลผู้ประกอบกสิกรรมตามมาตรา 165 (2) ไม่อยู่ในบังคับของอายุความตามมาตราดังกล่าว และเป็นกรณีไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องถืออายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 ก. ทำหนังสือรับสภาพหนี้ต่อโจทก์ไว้ภายในอายุความ จึงทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ต้องเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลาเมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดไป คือวันสิ้นกำหนดเวลาที่ ก. สัญญาว่าจะนำเงินมาชำระหนี้ จำเลยที่ 6 ถึงที่ 10 ทำหนังสือค้ำประกันต่อโจทก์ ในหนี้ที่ ก. กู้ยืมเงินจากโจทก์ หนี้ดังกล่าวโจทก์ให้กู้ยืมเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนช่วยเหลือชาวนา ถือได้ว่าเป็นการที่รัฐบาลให้ราษฎรกู้ยืมเพื่อการเกษตรกรรม การค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 6 ถึงที่ 10 เนื่องจากการดังกล่าว จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามบัญชีอากรแสตมป์ข้อ 17 ข้อยกเว้น (ก) แห่งประมวลรัษฎากร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2560/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายพืชผลทางการเกษตรและการพยายามทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาพิจารณาความเสียหายต่อพืชผลและเจตนาของผู้กระทำ
ต้นมะพร้าวของผู้เสียหายที่ถูกจำเลยฟันปลูกอยู่ในสวนตามแนวเขตที่ดินของผู้เสียหายรวมกับต้นมะพร้าวอื่นเป็นแนวเดียวกัน เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาชีพอะไรและสวนดังกล่าวของผู้เสียหายเป็นสวนมะพร้าวโดยเฉพาะหรือสวนไม้เบญจพรรณ จึงฟังไม่ได้ว่าต้นมะพร้าวที่ถูกฟันนั้นเป็นพืชที่ปลูกในการกสิกรรมของผู้เสียหาย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 701/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้น้ำทำนา vs. สิทธิการประมง: การปิดทำนบเพื่อประโยชน์ทางการเกษตรชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ประมูลทำการประมงในคลองพิพาทได้ จำเลยและราษฎรอีกมาก เป็นเจ้าของนาหลายพันไร่ ต้องอาศัยใช้น้ำในคลองนี้ทำนาตอนปากคลองมีทำนบปิดกั้นน้ำไว้เพื่อใช้ทำนา ถัดเข้าไปเป็นที่ตั้งจิบสำหรับจับปลาของโจทก์ เมื่อน้ำในลำคลองเริ่มลดลง ราษฎรเจ้าของนายื่นคำร้องขอปิดทำนบเพื่อกักน้ำไว้หล่อเลี้ยงต้นข้าวแต่ก่อนที่นายอำเภอจะสั่งราษฎรเกรงว่าถ้ารอช้าต้นข้าวจะเสียหายจำเลยและเจ้าของนาหลายคนจึงช่วยกันปิดทำนบ น้ำเลยไม่ไหลไปยังจิบของโจทก์ จับปลาไม่ได้การที่จำเลยปิดทำนบเช่นนี้ จะรอให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งอาจไม่ทันการและเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่การกสิกรรม ย่อมปิดเองได้ตาม พระราชบัญญัติการประมงฯ มาตรา 22 ซึ่งมีมาตรา 10 วรรคสอง สนับสนุน ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความสมบูรณ์ แม้ไม่ได้ลงสารบบ การขุดเหมืองเพื่อการเกษตรกรรมไม่เกิน 200 ไร่ ไม่ต้องขออนุญาต
เอกสารที่ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว
โจทก์ขุดลำเหมืองจากทางน้ำเพื่อส่งน้ำไปใช้ในการทำนาเมื่อที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่ไม่เกินสองร้อยไร่โจทก์ไม่จำต้องขอและได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนตามพระราชบัญญัติการชลประทานราษฎร์ พ.ศ.2482 มาตรา 7 และเมื่อลำเหมืองนี้ผ่านที่ดินซึ่งจำเลยเข้าจับจอง จำเลยถมเหมืองเสียแล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยจำเลยเปิดเหมืองให้โจทก์ใช้น้ำได้ตามปกติ ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ขุดเหมือง โดยไม่ได้รับอนุญาตสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีลำเหมืองเป็นวัตถุประสงค์ผิดกฎหมายเป็นโมฆะ ย่อมฟังไม่ขึ้น
แม้ในตอนท้ายของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ปลัดอำเภอผู้ทำสัญญาจะได้บันทึกไว้ด้วยว่าคู่กรณียอมไปอำเภอเพื่อลงสารบบความแพ่งและเพื่อเป็นหลักฐานต่อไปก็มิได้หมายความว่าต้องไปลงสารบบเสียก่อน สัญญาจึงจะสมบูรณ์และการที่เมื่อไปอำเภอกันแล้วจำเลยเกิดไม่ยอมปลัดอำเภอจึงจำหน่ายคดีจากสารบบ และบันทึกว่าเปรียบเทียบไม่ตกลงนั้น ก็ไม่ทำให้สัญญาประนีประนอมยอมความเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความหมายของ 'ทำนบ' ตาม ม.191: การกั้นน้ำเพื่อการเกษตร และความรับผิดทางอาญา
คำว่า "ทำนบ" ตาม ม.191หมายถึงทำนบที่ทำไว้สำหรับกั้นน้ำ หาได้หมายฉะเพาะทำนบที่กั้นน้ำไว้สำหรับใช้ในการไปมาเท่านั้นไม่ จำเลยชุดทำนบซึ่งใช้กั้นน้ำไว้สำหรับหล่อเลี้ยงต้นเข้าโดยปล่อยให้น้ำไหลออกอันอาจเป็นอันตรายแก่ต้นเข้าที่ปลูกไว้ดังนี้มีผิดตามมาตรา 191 วิธีพิจารณางดสืบพะยานจำเลยตัดสินโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขุดทำนบสำหรับกั้นน้ำไว้เพื่อหล่อเลี้ยงต้นเข้าจำเลยรับว่าได้ขุดทำนบที่ทำไว้สำหรับหล่อเลี้ยงต้นเข้าให้น้ำไหลไปจริง ดังนี้ ศาลลงโทษตาม ม.191 ได้โดยไม่ต้องสืบพะยานจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์ผลผลิตทางการเกษตร: การสมคบกันลักผลมะละกอ
พวกลักเก็บผลมะละกอบนต้นของเขาไปเป็น+ตามมาตรา 293(11)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4661/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเรื่องละเมิดจากการปล่อยน้ำเสียกระทบการเกษตร: ศาลวินิจฉัยได้ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความ
ตามคำฟ้องโจทก์ระบุว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยจำเลยปล่อยน้ำเสียซึ่งเป็นน้ำเค็มออกจากบ่อเลี้ยงกุ้งเพื่อทำการจับกุ้ง ซึ่งน้ำเสียที่ไหลออกมาได้ไหลเข้าในคลองส่งน้ำที่อยู่ติดกับที่นาของโจทก์ ต่อมาน้ำเสียซึ่งเป็นน้ำเค็มที่จำเลยปล่อยออกมาดังกล่าวไหลเข้าไปในที่นาของโจทก์ทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำนาข้าวของโจทก์ มีความหมายชัดแจ้งว่า น้ำที่จำเลยปล่อยออกมาเป็นน้ำที่ไม่ดี เป็นน้ำที่เค็ม ไม่เหมือนน้ำในคลองส่งน้ำตามปกติที่ใช้ทำนาได้ ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงว่าน้ำเสียเพราะมีสิ่งเจือปนที่ทำให้น้ำเค็มผิดปกติมาด้วยแล้ว เมื่อได้ความว่าน้ำจากบ่อเลี้ยงกุ้งของจำเลยที่ไหลเข้าท่วมขังในที่นาของโจทก์มีสิ่งเจือปนที่จำเลยใช้ในการเลี้ยงกุ้งทำให้ดินในที่นาของโจทก์มีความเค็มสูงผิดปกติ ทำให้มีผลกระทบกับการเพาะปลูกและความเจริญเติบโตของต้นข้าวในที่นาของโจทก์ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าวได้ หาเป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นไม่