พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จในคดีแพ่งเพื่อหลีกเลี่ยงการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 เบิกความอันเป็นเท็จในคดีแพ่งว่า โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าห้องพิพาทและเป็นจำเลยในคดีฟ้องขับไล่ออกจากห้องพิพาทดังกล่าวเพิ่งเช่าห้องพิพาทเมื่อประมาณ พ.ศ. 2506 หรือ 2507 และ 2505 ตามลำดับซึ่งความจริงแล้วโจทก์เป็นผู้เช่าห้องพิพาทมากว่า 20 ปี และเป็นการเช่าอยู่ก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ประกาศใช้บังคับ โดยเจตนาเพื่อมิให้โจทก์ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นการเบิกความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีเพราะระยะเวลาเริ่มต้นของสัญญาเช่าตามคำเบิกความของจำเลยซึ่งเป็นเวลาภายหลังการประกาศใช้บังคับของพระราชบัญญัติดังกล่าวหากฟังเป็นความจริงแล้ว อาจเป็นผลให้โจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วัตถุประสงค์การเช่าเคหะ: การควบคุมค่าเช่าเฉพาะที่อยู่อาศัย การใช้สิทธิหลังเลิกสัญญา
พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าทั้ง 3 ฉะบับควบคุมการเช่าเคหะเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นใหญ่ หากเช่าเพื่อประกอบธุระกิจการค้าหรืออุตสาหะกรรมเป็นใหญ่และใช้เป็นที่อยู่ด้วยเป็นส่วนอุปกรณ์แล้ว ไม่อยู่ในความควบคุม
การที่จะรู้ว่าการเช่ารายใดอยู่ในความควบคุมหรือไม่ ต้องพิเคราะห์วัตถุที่ประสงค์ของการเช่าเป็นราย ๆ ไป
การขนของเข้าไปไว้ใต้ถุนทรัพย์ที่เช่าและเข้าไปนอนเฝ้าภายหลังที่สัญญาเช่าสิ้นอายุ และบอกเลิกสัญญาเช่าแล้วนั้น เป็นการใช้สิทธิ์โดยสุจริตไม่มีผิดฐานบุกรุก
การที่จะรู้ว่าการเช่ารายใดอยู่ในความควบคุมหรือไม่ ต้องพิเคราะห์วัตถุที่ประสงค์ของการเช่าเป็นราย ๆ ไป
การขนของเข้าไปไว้ใต้ถุนทรัพย์ที่เช่าและเข้าไปนอนเฝ้าภายหลังที่สัญญาเช่าสิ้นอายุ และบอกเลิกสัญญาเช่าแล้วนั้น เป็นการใช้สิทธิ์โดยสุจริตไม่มีผิดฐานบุกรุก