คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การเมือง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. - การเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินหนึ่งพรรค
ผู้คัดค้านได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ก. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2542 และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค ท. เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2544 ต่อมาผู้คัดค้านได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ท. เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2549 และวันเดียวกันนั้น ผู้คัดค้านได้ยื่นหลักฐานการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้คัดค้านจึงมีรายชื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมืองเกินกว่า 1 พรรค ถือได้ว่าผู้คัดค้านมิได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่พรรคเดียวนับถึงวันรับสมัครเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน ผู้คัดค้านจึงไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 (4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของสมาชิกพรรคการเมือง: สิทธิทางศาลต้องมีกฎหมายรองรับเฉพาะเจาะจง
ไม่มีบทบัญญัติใดในพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2524ที่บัญญัติให้สมาชิกพรรคการเมืองใช้สิทธิทางศาลได้ โจทก์ในฐานะสมาชิกพรรคจำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาให้ศาลวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคตามข้อบังคับใหม่เป็นโมฆะและตราบใดที่โจทก์ยังไม่ถูกบังคับให้กระทำหรืองดเว้นกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งโดยอาศัยอำนาจจากการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่สิทธิและหน้าที่ของโจทก์มีอยู่อย่างไร ก็มีอยู่อย่างนั้น ข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าพรรคดำเนินการประชุมเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคโดยมิชอบนั้น เป็นเพียงความขัดแย้งกันในทางความคิด กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ตามกฎหมายแพ่ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชุมนุมเพื่อยื่นคำร้องไม่ใช่การประชุมทางการเมือง
การที่จำเลยกับพวกประชุมกันเพื่อเขียนคำร้องทุกข์ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าพวกญวนที่ถูกเจ้าพนักงานจับไปในข้อหาคอมมูนิสต์ไม่ได้กระทำผิดอะไรนั้น ไม่ใช่เป็นการประชุมในทางการเมืองตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับที่ 13 จำเลยจึงไม่ผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยุยงทหารและการนิรโทษกรรม: การกระทำนอกข่ายกฎหมายนิรโทษกรรมและขอบเขตสิทธิเสรีภาพทางการเมือง
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2500 จำเลยทำผิดฐานยุยงทหารให้ก่อการกำเริบโดยมุ่งหมายจะบ่อนให้วินัยและสมรรถภาพของกรมกองทหารเสื่อทราบลงอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 115 จำเลยจะอ้างว่า การกระทำของจำเลยอยู่ในข่ายแห่ง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหารราช การแผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 พ.ศ. 2500 หาได้ไม่ เพราะ พ.ร.บ. ดังกล่าวนี้ใช้แก่ผู้กระทำการยึดอำนาจการบริหาร ราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นมาตรา 104 (1) วรรคท้าย ครอบคลุมการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองนอกสภา
ข้อยกเวนตามมาตรา 104 (1) วรรคท้ายนั้นไม่ได้หมายเฉพาะการพูดในที่ประชุมของรัฐสภา ถ้าจำเลยได้กระทำการโฆษณาและชมการกระทำของรัฐบาลในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการกระทำเข้าตามกฎหมายอาญามาตรา 104 ( 1 ) วรรคท้ายแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16298/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาจากคำให้การเท็จต่อ กกต. ทำให้เสียสิทธิทางการเมือง
เหตุที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนการเลือกตั้งตามฟ้องและทำการเลือกตั้งใหม่สืบเนื่องจากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 11 ไปให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่วนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้งเพียงแต่ผูกพันเพื่อให้การเลือกตั้งในคราวดังกล่าวต้องถูกเพิกถอนไปเท่านั้นแต่หาได้เป็นเด็ดขาดจนห้ามมิให้มีการดำเนินคดีแก่ผู้ที่ไปให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งจนเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้สมัครในเขตเลือกตั้งดังกล่าวต้องเสียหาย ทั้งมาตรา 135 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 กำหนดให้ผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรงและมีอำนาจฟ้องคดีได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4) และ 28 (2)