คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การแบ่งแยก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7015/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาทร่วมกัน และสิทธิการฟ้องเรียกคืนการครอบครอง
ทั้งโจทก์และจำเลยต่างได้ครอบครองที่ดินในบริเวณที่ปรากฏในแผนที่พิพาท ส่วนฝ่ายใดเป็นผู้ครอบครองที่ดินเนื้อที่เท่าใด และฝ่ายใดครอบครองมาก่อนกันอันจะทำให้ฟังได้ว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทนั้นปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีบ้านอยู่ในที่พิพาท อีกทั้งพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายไม่อาจรับฟังได้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแต่เพียงฝ่ายเดียว และฟังไม่ได้ว่ามีการครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนในส่วนไหนเท่าใด จึงควรฟังว่าโจทก์และฝ่ายจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทมาด้วยกันและต่างมีส่วนในที่พิพาทเท่า ๆ กัน แม้ในวันที่16 กรกฎาคม 2533 จำเลยได้นำรถตักดินเข้าไปตักดินในที่พิพาทกั้นคันดินเพื่อทำเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง อันเป็นการแย่งการครอบครองที่พิพาทก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้คัดค้านทันทีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2534เพื่อเรียกคืนการครอบครองภายใน 1 ปี สิทธิการฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่พิพาทของโจทก์ยังไม่ขาดไป และได้ความว่าโจทก์ได้ครอบครองที่ดินในส่วนที่ไม่ได้โต้แย้งกันซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของที่พิพาท จึงเห็นควรให้โจทก์ได้ส่วนแบ่งในที่พิพาททางด้านทิศตะวันออก โดยแบ่งเนื้อที่ดินพิพาทออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน และให้โจทก์มีสิทธิในที่พิพาททางด้านตะวันออก ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินในส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7015/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาทร่วมกัน การแบ่งแยกที่ดิน และสิทธิการครอบครอง
ทั้งโจทก์และจำเลยต่างได้ครอบครองที่ดินในบริเวณที่ปรากฏในแผนที่พิพาทส่วนฝ่ายใดเป็นผู้ครอบครองที่ดินเนื้อที่เท่าใดและฝ่ายใดครอบครองมาก่อนกันอันจะทำให้ฟังได้ว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทนั้นปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีบ้านอยู่ในที่พิพาทอีกทั้งพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายไม่อาจรับฟังได้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแต่เพียงฝ่ายเดียวและฟังไม่ได้ว่ามีการครอบครองที่พิพาทเป็นสัดส่วนในส่วนไหนเท่าใดจึงควรฟังว่าโจทก์และฝ่ายจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทมาด้วยกันและต่างมีส่วนในที่พิพาทเท่าๆกันแม้ในวันที่16กรกฎาคม2533จำเลยได้นำรถตักดินเข้าไปตักดินในที่พิพาทกั้นคันดินเพื่อทำเป็นบ่อเลี้ยงกุ้งอันเป็นการแย่งการครอบครองที่พิพาทก็ตามแต่โจทก์ก็ได้คัดค้านทันที่ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่25มีนาคม2534เพื่อเรียกคืนการครอบครองภายใน1ปีสิทธิการฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่พิพาทของโจทก์ยังไม่ขาดไปและได้ความว่าโจทก์ได้ครอบครองที่ดินในส่วนที่ไม่ได้โต้แย้งกันซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของที่พิพาทจึงเห็นควรให้โจทก์ได้ส่วนแบ่งในที่พิพาททางด้านทิศตะวันออกโดยแบ่งเนื้อที่ดินพิพาทออกเป็นสองส่วนเท่าๆกันและให้โจทก์มีสิทธิในที่พิพาททางด้านตะวันออกห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินในส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291-1292/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมในที่ดินจัดสรร แม้มีการโอนและแบ่งแยกที่ดิน ก็ยังคงมีอยู่เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินแปลงอื่น
ที่ดินพิพาทที่สร้างเป็นโรงรถและที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำขณะที่จำเลยที่4รับโอนมาถนนและสระว่ายน้ำเป็นภารจำยอมที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายเป็นทรัพย์สิทธิติดไปกับตัวทรัพย์และผูกพันแก่บุคคลที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1387เมื่อจำเลยที่4รับโอนที่พิพาททั้งสองแปลงที่ติดภารจำยอมอยู่ไปเช่นนี้แม้ที่ดินที่เป็นถนนจะถูกแยกไป(ทำเป็นโรงรถ)ภารจำยอมก็ยังคงมีอยู่ทุกส่วนที่แยกไปจำเลยที่4ต้องรับภารจำยอมที่แต่เดิมมีอยู่ไปด้วยทั้งต้องบำรุงรักษาให้คงสภาพตลอดไปตามมาตรา1394และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286ข้อ30จำเลยที่4จะอ้างว่ารับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตหาได้ไม่ ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงดังกล่าวอยู่ในโครงการจัดสรรที่ดินมีจำนวนตั้งแต่10แปลงขึ้นไปกรณีต้องตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286แล้วแม้จะมีการโอนที่ดินส่วนหนึ่งของการจัดสรรให้จำเลยที่3ในภายหลังและจำเลยที่3ได้จัดการแบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อยอีก8แปลง(ไม่ถึง10แปลง)แล้วขายที่ดินพิพาทที่สร้างโรงรถกับโอนสระว่ายน้ำให้แก่จำเลยที่4ในเวลาต่อมาก็หาทำให้ที่ดินพิพาทที่เป็นโรงรถและที่ตั้งสระว่ายน้ำไม่เป็นการจัดสรรที่ดินตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวไม่ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงคงเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์เรือบรรทุกข้าวและการรับของโจร: การแบ่งแยกความรับผิดชอบทางอาญา
พฤติการณ์ที่เป็นรับของโจรไม่ใช่ลักทรัพย์ พวกเจ้าทรัพย์บันทุกข้าวลงเรือโป๊ะและปิดปากระวางเองแต่มิได้กับเรือถึงกลางทะเลพวกเรือโป๊ะขนข้าวขึ้นจากปากระวาง ถ่ายลงเรือฉลอมมารับซื้อ พวกเรือโป๊ะผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่ยักยอก และเป็นการลักทรัพย์สำเร็จแต่เมื่อขนข้าวขึ้นพักไว้ที่ปากเรือแล้วส่วนพวกเรือฉลอมมีความผิดฐานรับของโจร