พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและการละเมิดสิทธิ: การใช้เครื่องหมายที่แยกส่วนและการเลียนแบบแบบสินค้า
โจทก์และจำเลยต่างก็ผลิตสินค้าสร้อยข้อมือโดยเลียนแบบจากของต่างประเทศออกจำหน่าย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการผลิตสร้อยข้อมือแบบดังกล่าว จำเลยก็ไม่มีสิทธิห้ามมิให้โจทก์ผลิตสินค้าสร้อยข้อมือเลียนแบบสินค้าของจำเลย
จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสร้อยข้อมือของจำเลยไว้ ใช้ว่าฮกลกซิ่วคัง อันมีลักษณะเป็นเครื่องหมายคำ 4 คำรวมกัน แปลว่า มีวาสนาศรีสุข อายุยืนมีพลานามัยดี ซึ่งการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรจีนคำว่าฮกลกซิ่ว แยกแต่ลำพัง ส่วนสร้อยข้อมือของโจทก์ปรากฏว่า เครื่องหมายคำทั้ง 4 คำ ดังกล่าวไม่ได้อยู่รวมกัน หากแต่แยกออกจากกันเป็นคำ ๆ คำละหนึ่งข้อสร้อยแต่ละคำที่ปรากฏในข้อสร้อยนี้อยู่สลับกับข้อสร้อยที่มีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลยจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
จำเลยจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสร้อยข้อมือของจำเลยไว้ ใช้ว่าฮกลกซิ่วคัง อันมีลักษณะเป็นเครื่องหมายคำ 4 คำรวมกัน แปลว่า มีวาสนาศรีสุข อายุยืนมีพลานามัยดี ซึ่งการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า ไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรจีนคำว่าฮกลกซิ่ว แยกแต่ลำพัง ส่วนสร้อยข้อมือของโจทก์ปรากฏว่า เครื่องหมายคำทั้ง 4 คำ ดังกล่าวไม่ได้อยู่รวมกัน หากแต่แยกออกจากกันเป็นคำ ๆ คำละหนึ่งข้อสร้อยแต่ละคำที่ปรากฏในข้อสร้อยนี้อยู่สลับกับข้อสร้อยที่มีลวดลายเป็นรูปดอกไม้ ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ทำละเมิดเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของจำเลยจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า, อายุความละเมิด, และการใช้เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้ว
จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าวินิจฉัยยกคำร้องคัดค้านของโจทก์โจทก์มิได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า หรือนำคดีไปสู่ศาลภายในเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับคำวินิจฉัยของนายทะเบียน นายทะเบียนจึงได้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นให้แก่จำเลย ดังนี้ ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้ามีสิทธิผู้เดียวเพื่อใช้เครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวกที่ได้จดทะเบียนไว้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ.2474 มาตรา 27 โจทก์จะอ้างว่าจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าเหมือนคล้ายเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ด้วยประการใดๆ อีกหาได้ไม่ และไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย หรือบังคับให้จำเลยเลิกใช้เครื่องหมายการค้าที่จำเลยได้จดทะเบียนไว้นั้นอีกได้
ที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้ามาก่อนได้รับจดทะเบียน แม้จะเป็นการละเมิดต่อโจทก์ในระยะเวลานั้น แต่เมื่อนับถึงวันฟ้องเกินหนึ่งปีย่อมขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
แม้จำเลยจะเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วถ้าจำเลยได้กระทำการโดยไม่สุจริต เช่น เอาเครื่องหมายการค้าของจำเลยดัดแปลงให้เหมือนของโจทก์ ก็อาจเป็นการละเมิดต่อโจทก์ได้ แต่เมื่อจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าตามที่จดทะเบียนไว้โดยมิได้ดัดแปลงให้ผิดแผกเป็นอย่างอื่น ย่อมชอบที่จะกระทำได้ หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่
โจทก์ฟ้องว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านหรือพูดเร็วฟังเสียงคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก และยังผลิตสินค้ากางเกงให้มีสีและใช้กระดุมสีเดียวกับสินค้าของโจทก์ ทำให้บุคคลที่พบเห็นเข้าใจผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์ โดยจำเลยมีเจตนาลวงประชาชนให้เข้าใจเช่นนั้น แม้จะเป็นความจริง ก็มีเครื่องหมายการค้าของจำเลยซึ่งต่างกับของโจทก์ติดอยู่ที่สินค้ากางเกงเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วจึงไม่ถึงขนาดที่จะฟังว่าเป็นการทำให้ปรากฏที่สินค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272 (1) อันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
ที่จำเลยใช้เครื่องหมายการค้ามาก่อนได้รับจดทะเบียน แม้จะเป็นการละเมิดต่อโจทก์ในระยะเวลานั้น แต่เมื่อนับถึงวันฟ้องเกินหนึ่งปีย่อมขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448
แม้จำเลยจะเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วถ้าจำเลยได้กระทำการโดยไม่สุจริต เช่น เอาเครื่องหมายการค้าของจำเลยดัดแปลงให้เหมือนของโจทก์ ก็อาจเป็นการละเมิดต่อโจทก์ได้ แต่เมื่อจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าตามที่จดทะเบียนไว้โดยมิได้ดัดแปลงให้ผิดแผกเป็นอย่างอื่น ย่อมชอบที่จะกระทำได้ หาเป็นการละเมิดต่อโจทก์ไม่
โจทก์ฟ้องว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยอ่านหรือพูดเร็วฟังเสียงคล้ายเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก และยังผลิตสินค้ากางเกงให้มีสีและใช้กระดุมสีเดียวกับสินค้าของโจทก์ ทำให้บุคคลที่พบเห็นเข้าใจผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์ โดยจำเลยมีเจตนาลวงประชาชนให้เข้าใจเช่นนั้น แม้จะเป็นความจริง ก็มีเครื่องหมายการค้าของจำเลยซึ่งต่างกับของโจทก์ติดอยู่ที่สินค้ากางเกงเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วจึงไม่ถึงขนาดที่จะฟังว่าเป็นการทำให้ปรากฏที่สินค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272 (1) อันจะถือได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้าชุด การใช้เครื่องหมายแต่ละเครื่องหมายเป็นอิสระ การเพิกถอนเครื่องหมายจากการไม่ใช้
การแสดงปฏิเสธไม่ขอถือเป็นสิทธิของตนแต่ผู้เดียวในอันที่จะใช้อักษรโรมัน SM ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 17 ย่อมทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้อักษรโรมัน SM แต่อักษรโรมัน SM ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายการค้า VITANA - SM ไวตานา - เอสเอ็ม ตามที่โจทก์จดทะเบียนไว้
การพิจารณาว่าโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้านั้น ๆ หรือไม่ยังต้องพิจารณาทั้งเครื่องหมาย ไม่ใช่เพียงส่วนหนึ่งส่วนใด ดังนั้น แม้โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้า VITARAL S.M. ไวตารอล เอส.เอ็ม. ที่ได้รับการจดทะเบียนไว้แล้ว หรือ VITANA - EZ ที่อยู่ระหว่างการขอจดทะเบียน แต่เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้า VITANA - SM ไวตานา - เอสเอ็ม ก็ถือไม่ได้ว่า การใช้เครื่องหมายการค้า VITARAL S.M. ไวตารอล เอส.เอ็ม. หรือ VITANA - EZ เป็นการใช้เครื่องหมายการค้า VITANA - SM ไวตานา - เอสเอ็ม ไปด้วยเพราะต่างเครื่องหมายกัน การใช้หรือไม่ใช้เครื่องหมายการค้าใดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 63 จึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการใช้หรือไม่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นกับรายการสินค้าที่ขอจดทะเบียนไว้ ไม่อาจอ้างการใช้เครื่องหมายการค้าอื่นกับสินค้าที่จดทะเบียนไว้มาเป็นการใช้เครื่องหมายการค้านั้นได้
การที่ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 50 บัญญัติว่า "เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เป็นเครื่องหมายชุดนั้นจะโอนหรือรับมรดกกันได้ ต่อเมื่อเป็นการโอนหรือรับมรดกกันทั้งชุด" นั้น เป็นเรื่องการโอนหรือสืบสิทธิในเครื่องหมายการค้าซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่โอนหรือตกทอดกันทางมรดกได้ ไม่ได้มีผลทำให้เครื่องหมายการค้าทั้งหมดของโจทก์เป็นเครื่องหมายการค้าเดียวกัน และไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่อาจถูกเพิกถอนตามกฎหมายเนื่องจากการไม่ใช้เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ เพราะความมุ่งหมายของกฎหมายนั้นเป็นไปเพื่อให้สิทธิและความคุ้มครองแก่เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนที่มีการใช้เครื่องหมายนั้นกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและสังคม ไม่ใช่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้เพียงเพื่อกีดกันผู้อื่น การจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุดจึงไม่มีผลทำให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่จำต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายสำหรับเครื่องหมายการค้าแต่ละเครื่องหมาย
แม้ตามคำร้องสอดของผู้ร้องสอดจะใช้ข้อความสรุปว่าขอร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามมาตรา 57 (1) เช่นกันก็ตาม แต่ตามเนื้อหาของคำร้องสอดอ้างเหตุผลว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่สั่งให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้า VITANA - SM ไวตานา - เอสเอ็ม ของโจทก์ตามคำร้องขอของผู้ร้องสอดชอบแล้ว อันเป็นกรณีร้องขอเข้ามาในคดีเพราะตนมีส่วนได้เสียตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (2) มิใช่กรณีตามมาตรา 57 (1) แต่อย่างใด และเป็นเรื่องต้องถือตามเนื้อหาแห่งคำร้องสอดดังกล่าวมาเป็นสำคัญ ซึ่งย่อมมิใช่กรณีที่ร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง
การพิจารณาว่าโจทก์ใช้เครื่องหมายการค้านั้น ๆ หรือไม่ยังต้องพิจารณาทั้งเครื่องหมาย ไม่ใช่เพียงส่วนหนึ่งส่วนใด ดังนั้น แม้โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้า VITARAL S.M. ไวตารอล เอส.เอ็ม. ที่ได้รับการจดทะเบียนไว้แล้ว หรือ VITANA - EZ ที่อยู่ระหว่างการขอจดทะเบียน แต่เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องหมายการค้า VITANA - SM ไวตานา - เอสเอ็ม ก็ถือไม่ได้ว่า การใช้เครื่องหมายการค้า VITARAL S.M. ไวตารอล เอส.เอ็ม. หรือ VITANA - EZ เป็นการใช้เครื่องหมายการค้า VITANA - SM ไวตานา - เอสเอ็ม ไปด้วยเพราะต่างเครื่องหมายกัน การใช้หรือไม่ใช้เครื่องหมายการค้าใดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 63 จึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการใช้หรือไม่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นกับรายการสินค้าที่ขอจดทะเบียนไว้ ไม่อาจอ้างการใช้เครื่องหมายการค้าอื่นกับสินค้าที่จดทะเบียนไว้มาเป็นการใช้เครื่องหมายการค้านั้นได้
การที่ พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 50 บัญญัติว่า "เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เป็นเครื่องหมายชุดนั้นจะโอนหรือรับมรดกกันได้ ต่อเมื่อเป็นการโอนหรือรับมรดกกันทั้งชุด" นั้น เป็นเรื่องการโอนหรือสืบสิทธิในเครื่องหมายการค้าซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่โอนหรือตกทอดกันทางมรดกได้ ไม่ได้มีผลทำให้เครื่องหมายการค้าทั้งหมดของโจทก์เป็นเครื่องหมายการค้าเดียวกัน และไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขที่อาจถูกเพิกถอนตามกฎหมายเนื่องจากการไม่ใช้เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ เพราะความมุ่งหมายของกฎหมายนั้นเป็นไปเพื่อให้สิทธิและความคุ้มครองแก่เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนที่มีการใช้เครื่องหมายนั้นกับสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและสังคม ไม่ใช่จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้เพียงเพื่อกีดกันผู้อื่น การจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุดจึงไม่มีผลทำให้เจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่จำต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายสำหรับเครื่องหมายการค้าแต่ละเครื่องหมาย
แม้ตามคำร้องสอดของผู้ร้องสอดจะใช้ข้อความสรุปว่าขอร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามมาตรา 57 (1) เช่นกันก็ตาม แต่ตามเนื้อหาของคำร้องสอดอ้างเหตุผลว่า คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่สั่งให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้า VITANA - SM ไวตานา - เอสเอ็ม ของโจทก์ตามคำร้องขอของผู้ร้องสอดชอบแล้ว อันเป็นกรณีร้องขอเข้ามาในคดีเพราะตนมีส่วนได้เสียตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (2) มิใช่กรณีตามมาตรา 57 (1) แต่อย่างใด และเป็นเรื่องต้องถือตามเนื้อหาแห่งคำร้องสอดดังกล่าวมาเป็นสำคัญ ซึ่งย่อมมิใช่กรณีที่ร้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 773-776/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า: ลักษณะบ่งเฉพาะและผลของการใช้เครื่องหมาย
แม้ตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 18 วรรคหนึ่ง จะบัญญัติให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเป็นที่สุดก็ตาม แต่หากคำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ผู้อุทธรณ์ย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องเพื่อให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าวได้ คดีนี้โจทก์อ้างว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งสี่เครื่องหมายเป็นเครื่องหมายประเภทรูปร่างและรูปทรงของวัตถุ และมีลักษณะทำให้ประชาชนหรือผู้ใช้สินค้าทราบและเข้าใจว่าสินค้าของโจทก์แตกต่างจากสินค้าอื่น ทั้งได้ใช้และโฆษณาแพร่หลายทั่วไปมานานจึงมีลักษณะบ่งเฉพาะ เท่ากับโจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่คณะกรรมการเครื่องหมายการค้าวินิจฉัยยืนตามคำสั่งของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งสี่คำขอเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ผู้อุทธรณ์ย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยนั้นได้และการใช้สิทธิทางศาลในกรณีเช่นนี้ ไม่มีบทบัญญัติใดใน พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ หรือในกฎหมายอื่นบัญญัติให้โจทก์ต้องใช้สิทธิทางศาลหรือฟ้องคดีภายใน 90 วัน นับแต่วันทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นฟ้องคดีนี้ได้แม้การยื่นฟ้องคดีนี้จะยื่นเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่โจทก์ทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า