คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กิจการไฟฟ้า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าไฟฟ้า-กิจการไฟฟ้าสาธารณูปโภค-ฟ้องเคลือบคลุม: ศาลฎีกาวินิจฉัยเรื่องอายุความและรายละเอียดฟ้อง
ฟ้องเรียกเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ค้างชำระ แม้ไม่บรรยายว่าจำเลยใช้ไฟฟ้าจากเลขวัดหน่วยที่เท่าใดถึงหน่วยที่เท่าใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโจทก์ดำเนินกิจการสาธารณูปโภคซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ประโยชน์ของรัฐและประชาชนดังที่บัญญัติไว้ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ.2503 มาตรา 6, 8, 41 หาใช่เป็นการประกอบกิจการค้าหากำไรตามปกติไม่ โจทก์จึงมิใช่เป็นพ่อค้าตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) สิทธิเรียกร้องค่ากระแสไฟฟ้าของโจทก์ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี และโดยที่ค่ากระแสไฟฟ้าประจำเดือนมิใช่จำนวนเงินที่ตกลงไว้แน่นอน แม้จะกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลากรณีก็ไม่ต้องด้วยอายุความห้าปีตามมาตรา 166 จึงต้องนำอายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนดสิบปีตามมาตรา 164 มาใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบกิจการไฟฟ้าเพื่อใช้เองและการช่วยเหลือผู้เช่าห้อง ไม่ถือเป็นการค้าขายตามกฎหมาย
จำเลยซื้อเครื่องไฟฟ้าโดยประสงค์เพื่อจะใช้ในกิจการของตนเองเป็นเบื้องแรก ส่วนการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้อื่นใช้ด้วยนั้น ก็มีแต่เฉพาะผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยในบริเวณเดียวกัน ซึ่งมีเพียง 10 กว่ารายเท่านั้น หาได้จ่ายให้แก่บุคคลอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่ ทั้งเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเพียงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายโดยมิได้หวังผลกำไร และก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กำไรจากการนี้ หากแต่เป็นการช่วยเหลือในระหว่างจำเลยกับผู้เช่าห้องของบิดาจำเลย จึงยังไม่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ประกอบกิจการค้าขายตาม พ.ร.บ. นี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบกิจการไฟฟ้าที่ไม่เข้าข่ายค้าขายสาธารณูปโภคตามกฎหมายควบคุมกิจการค้าขาย
จำเลยซื้อเครื่องไฟฟ้าโดยประสงค์เพื่อจะใช้ในกิจการของตนเองเป็นเบื้องแรกส่วนการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้อื่นใช้ด้วยนั้น ก็มีแต่เฉพาะผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยในบริเวณเดียวกันซึ่งมีเพียง 10 กว่ารายเท่านั้นหาได้จ่ายให้แก่บุคคลอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่ ทั้งเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเพียงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายโดยมิได้หวังผลกำไรและก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กำไรจากการนี้หากแต่เป็นการช่วยเหลือในระหว่างจำเลยกับผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยจึงยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบกิจการค้าขายตามพระราชบัญญัตินี้