พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรรมการขอถอนฟ้องคดี: การกระทำแทนโจทก์โดยกรรมการที่ยังดำรงตำแหน่ง
ตามหนังสือรับรองเอกสารท้ายฟ้องปรากฏว่า พ. และ ท.เป็นกรรมการของโจทก์โดยไม่มีการจดทะเบียนถอนชื่อบุคคลทั้งสองจากการเป็นกรรมการของโจทก์ ต้องถือว่า พ. และ ท.ไม่ได้พ้นจากการเป็นกรรมการของโจทก์ และตามหนังสือรับรองระบุว่า จำนวนหรือชื่อกรรมการที่ลงชื่อผูกพันโจทก์ได้ คือกรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ ประกอบกับตามหนังสือรับรองดังกล่าวและข้อบังคับของโจทก์ไม่มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดอำนาจของกรรมการว่า ถ้าโจทก์ไม่มีมติให้ถอนฟ้องคดีใด กรรมการของโจทก์จะทำการแทนโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนั้นไม่ได้ การที่ พ.และ ท.ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ขอถอนฟ้อง ถือได้ว่า พ.และ ท.ในฐานะกรรมการของโจทก์ได้ขอถอนฟ้องคดีนี้แทนโจทก์
การขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวข้างต้นไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อโจทก์ ผลดีหรือผลเสียนั้นย่อมตกได้แก่ พ.และ ท.ในฐานะที่เป็นกรรมการของโจทก์ด้วยในลักษณะอย่างเดียวกัน จะถือว่าประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์กับของ พ.และ ท.ในการถอนฟ้องคดีเป็นปฏิปักษ์ต่อกันดังที่บัญญัติใน ป.พ.พ.มาตรา 80 ไม่ได้
การขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวข้างต้นไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อโจทก์ ผลดีหรือผลเสียนั้นย่อมตกได้แก่ พ.และ ท.ในฐานะที่เป็นกรรมการของโจทก์ด้วยในลักษณะอย่างเดียวกัน จะถือว่าประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์กับของ พ.และ ท.ในการถอนฟ้องคดีเป็นปฏิปักษ์ต่อกันดังที่บัญญัติใน ป.พ.พ.มาตรา 80 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7128-7131/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโจทก์ล้มละลายฟ้องคดีอาญาและการขอถอนฟ้องจำเลย แม้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
โจทก์เป็นนิติบุคคลฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 4 เป็นคดีอาญาในข้อหายักยอก รับของโจร และความผิดต่อพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 โดยขอให้ลงโทษทางอาญาแต่เพียงอย่างเดียวมิได้มีคำขอบังคับในส่วนแพ่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายมาด้วย จึงไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 (3) ที่โจทก์จะต้องดำเนินการโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อีกทั้งตามบทบัญญัติมาตรา 4, 5, และ 6 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ก็มิได้กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจจัดการแทนลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาซึ่งถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือพิพากษาให้ล้มละลายด้วย ดังนั้นโจทก์จึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอถอนฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 ได้
โจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องคดีเอง คดีอยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้องโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ให้ศาลชั้นต้นแยกคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 4 ขึ้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แม้จำเลยที่ 4 จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ต้องถือว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องสิ้นผลไปแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาสั่ง แต่เมื่อศาลชั้นต้นส่งคำร้องมาศาลฎีกาในขณะที่ฎีกาของจำเลยที่ 4 อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เพื่อให้กระบวนพิจารณาเป็นไปโดยรวดเร็ว ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ไปเสียเลยโดยอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4
โจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องคดีเอง คดีอยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้องโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ให้ศาลชั้นต้นแยกคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 4 ขึ้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แม้จำเลยที่ 4 จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ต้องถือว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องสิ้นผลไปแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องก่อนมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและเป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาสั่ง แต่เมื่อศาลชั้นต้นส่งคำร้องมาศาลฎีกาในขณะที่ฎีกาของจำเลยที่ 4 อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เพื่อให้กระบวนพิจารณาเป็นไปโดยรวดเร็ว ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ไปเสียเลยโดยอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4