คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขอบเขตการฟ้องร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องร้องค่าเสียหายตามสัญญา การบังคับตามสัญญาเฉพาะข้อ และการไม่ขอบังคับตามสัญญาข้ออื่น
ตามคำฟ้องและคำขอของโจทก์ประสงค์ขอค่าปรับรายวันตามสัญญาข้อ 9 เพียงกรณีเดียวเท่านั้น ซึ่งค่าปรับนี้ได้ยุติลงแต่ศาลชั้นต้นแล้วว่าโจทก์จะบังคับตามสัญญาข้อ 9 ไม่ได้ และโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ ส่วนค่าเสียหายอย่างอื่นโจทก์มิได้ฟ้องและขอมาด้วยแต่อย่างใด ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ให้จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายอย่างอื่นแก่โจทก์มานั้นจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2390/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องร้องที่ดิน: ศาลพิจารณาเฉพาะส่วนที่โจทก์ควรได้ตามข้อเท็จจริง แม้คำฟ้องขอทั้งหมด
โจทก์อ้างในคำฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสี่คัดค้าน การรังวัดที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่า มีทางสาธารณะในที่ดินโจทก์ กว้าง 3 วาซึ่งความจริงไม่มีทางสาธารณะในที่ดินโจทก์เลย ขอให้ พิพากษาว่าที่ดินที่จำเลยอ้างว่าเป็นทางสาธารณะเป็นที่ดินโจทก์ โดยโจทก์มิได้อ้างมาในคำฟ้องว่า ทางสาธารณะกว้างเพียงใด แต่ ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อเท็จจริงที่ได้นำสืบ ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงหยิบยกขึ้นฎีกาได้ โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยคัดค้านว่าที่ดินพิพาทเป็นทางสาธารณะ ทางพิจารณาข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ด้านทิศใต้ของที่ดินโจทก์เป็นทางสาธารณะกว้าง 2 วา ยาวตลอดแนว ที่ดินโจทก์เท่ากับว่าที่ดินพิพาทกว้าง 1 วา ยาวตลอดแนวที่ดินของ โจทก์เป็นของโจทก์ จึงเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ใด ๆ เป็น ของตนทั้งหมดแต่พิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้ในส่วนแบ่ง เมื่อศาลเห็นสมควรศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งนั้นได้ มิใช่เป็นการพิพากษาให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฎ ในคำฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2061/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้ทางจำเป็นและขอบเขตค่าทดแทน: ศาลฎีกาจำกัดประเด็นค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็นเฉพาะการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายโดยตรง
เมื่อตามคำให้การของจำเลยร่วมไม่ได้โต้แย้งว่าเดิมที่ดินของโจทก์และที่ดินของป.แบ่งแยกจากที่ดินแปลงเดียวกันเป็นเหตุให้เจ้าของที่ดินแปลงขณะแบ่งแยกซึ่งต่อมาตกเป็นของโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินบนที่ดินของป.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1350การที่จำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาจึงเป็นเรื่องที่จำเลยร่วมมิได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้. โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นและเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจำเลยและจำเลยร่วมต่อสู้ว่าทางพิพาทไม่ใช่ทางจำเป็นจำเลยมีสิทธิปิดทางพิพาทการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดเท่านั้นประเด็นแห่งคดีไม่มีเรื่องค่าทดแทนอันเกิดจากการใช้ทางจำเป็นเลยจำเลยร่วมจึงชอบที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่โจทก์ในเรื่องนี้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เสียค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็น(ทางพิพาท)ของโจทก์ให้แก่จำเลยร่วมเจ้าของที่ดินจึงนอกประเด็นแห่งคดีไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจและยกที่ดิน: ประเด็นความสามารถในการทำนิติกรรมของผู้มอบอำนาจและขอบเขตการฟ้องร้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นมรดกของมารดา ขอให้ศาลสั่งทำลายหนังสือมอบอำนาจและเพิกถอนนิติกรรมสัญญาให้ที่พิพาทซึ่งทำตามหนังสือมอบอำนาจ เพราะหนังสือมอบอำนาจเป็นโมฆะเนื่องจากมารดาพิมพ์ลายนิ้วมือขณะที่มีสติฟั่นเฟือนไม่รู้สึกผิดชอบดังนี้ โจทก์จะฎีกาว่าที่พิพาทเป็นมรดกของบิดา มารดาไม่มีสิทธิยกที่พิพาทที่เป็นมรดกของบิดานั้นหาได้ไม่ เพราะเป็นฎีกานอกประเด็นจากที่กล่าวในฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 215/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความบทกฎหมายอาญาที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีฟ้องระบุเฉพาะมาตราเดิม ศาลลงโทษตามมาตราที่แก้ไขแล้วได้
ฟ้องหาว่าจำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังคนเพื่อเอาสินไถ+บทก.ม. ขอให้ลงโทษ+เพียง ก.ม.อาญามาตรา 270 เท่านั้น ย่อมต้องเข้าใจว่าหมายถึงมาตรา 270 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติมโดย(ฉบับ ที่ 4)477 แล้ว ศาลงโทษตามพ.ร.บ.ที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ไม่เป็นการเกินคำขอท้ายฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3424/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษเกินกว่าที่โจทก์ขอให้ลงโทษในความผิดฐานประกอบกิจการวีดิทัศน์และภาพยนตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทย์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตข้อหาหนึ่ง และประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตอีกข้อหาหนึ่ง แต่มีคำขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ภาพยนต์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 82 ฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงข้อหาเดียว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 38 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 79 ด้วย การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 79 และมาตรา 54 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 82 และให้ลงโทษตามมาตรา 38 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 79 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักกว่านั้น จึงเป็นการพิพากษาลงโทษในข้อเท็จจริงที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย อันต้องห้ามตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้อง โดยปรับบทลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 82 และเมื่อโทษปรับที่กำหนดลงโทษแก่จำเลยนั้นเป็นอัตราโทษปรับขั้นต่ำที่กฎหมายบัญญัติไว้ จึงไม่อาจลดโทษปรับได้อีก