พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4705/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเงินโดยไม่มีข่มขู่หรือใช้กำลัง ไม่ถึงขั้นชิงทรัพย์
การที่จำเลยซึ่งไม่เคยรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อนเดินตรงเข้ามาหาผู้เสียหายขณะรอรถยนต์โดยสารเพื่อจะกลับบ้านอยู่ที่หน้าโรงเรียน ทำท่าทางขึงขังลักษณะจะทำร้ายผู้เสียหายพร้อมกับแบมือและพูดว่าขอเงิน 1 บาท ผู้เสียหายส่งเงินให้ไป 1 บาท หลังจากนั้นจำเลยก็เดินไปขอเงินจากเด็กนักเรียนอื่น นักเรียนคนนั้นก็ส่งเงินให้ 1 บาท เช่นกัน ดังนี้จำเลยเพียงแต่ขอเงินผู้เสียหายโดยยังไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ฉะนั้นที่ผู้เสียหายเห็นจำเลยมีท่าทางขึงขังและคิดว่าจะทำร้ายตนนั้นเป็นเพียงลักษณะท่าทางของวัยรุ่นที่มีความประพฤติไม่เรียบร้อยด้วยการแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากกว่า ซึ่งยังไม่พอฟังว่าเป็นลักษณะขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการขอเงินและพฤติการณ์หลังได้รับเงิน ไม่ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
ขณะผู้เสียหายนั่งคุยกับ จ. จำเลยที่ 2 ได้เข้าไปขอเงิน 5 บาท ผู้เสียหายพูดว่าไม่มีให้จำเลยที่ 1 ใช้มีดจี้คอผู้เสียหายและพูดว่า ถ้าไม่ให้เจ็บตัว จ. ส่งเงิน 10 บาท ให้ผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายส่งให้จำเลยที่ 2 รับไป เมื่อได้เงินแล้วจำเลยที่ 2 ได้เดินไปพร้อมกับจำเลยที่ 1 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ค้นตัวได้เงินเพียง10 บาทที่ จ.ให้ไปเท่านั้น จ.ตอบคำถามค้านว่าให้เงินแก่จำเลยที่ 2 ด้วยความสมัครใจ เต็มใจ เพราะสงสาร ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่า จำเลยที่ 2 กระทำโดยสุจริตมิได้มีเจตนา ร่วมกับจำเลยที่ 1 เพื่อทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหายมาแต่แรก เมื่อได้เงินตามที่ขอแล้วก็ไม่ขู่เอาทรัพย์อื่นต่อไปอีก การเอา เงินไปจึงถือไม่ได้ว่า เกิดจากการลักทรัพย์จึง ไม่เป็น ความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาชิงทรัพย์ - การขอเงินโดยสุจริต ไม่ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
ขณะผู้เสียหายนั่งคุยกับ จ. จำเลยที่ 2 ได้เข้าไปขอเงิน 5 บาท ผู้เสียหายพูดว่าไม่มีให้จำเลยที่1 ใช้มีดจี้คอผู้เสียหายและพูดว่า ถ้าไม่ให้เจ็บตัวจ. ส่งเงิน 10 บาท ให้ผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายส่งให้จำเลยที่ 2 รับไป เมื่อได้เงินแล้วจำเลยที่ 2 ได้เดินไปพร้อมกับจำเลยที่ 1 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับ ค้นตัวได้เงินเพียง10 บาทที่ จ.ให้ไปเท่านั้นจ.ตอบคำถามค้านว่าให้เงินแก่จำเลยที่ 2 ด้วยความสมัครใจเต็มใจ เพราะสงสาร ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีเห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำโดยสุจริตมิได้มีเจตนา ร่วมกับจำเลยที่ 1 เพื่อทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหายมาแต่แรกเมื่อได้เงินตามที่ขอแล้วก็ไม่ขู่เอาทรัพย์อื่นต่อไปอีกการเอา เงินไปจึงถือไม่ได้ว่า เกิดจากการลักทรัพย์จึงไม่เป็น ความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเงินโดยอ้างอำนาจตำรวจ ไม่เข้าข่ายข่มขืนใจหรือใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
จำเลยเป็นตำรวจแต่งเครื่องแบบไปขอเงินผู้เสียหาย โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ให้มาเอา เมื่อผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือแล้วจำเลยกลับไป ต่อมาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จำเลยกลับมาหาผู้เสียหายอีก และบอกว่ารองผู้กำกับการตำรวจให้มาเอาเงิน 3,000-4,000 บาท ผู้เสียหายจะให้เพียง 100 บาท จำเลยว่าไม่พอ ดังนี้ ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยแกล้งกล่าวหาจับกุมผู้เสียหายในข้อหาใด แล้วจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลย การที่จำเลยขอเงินจากผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของจำเลยเอง ที่จำเลยพูดว่าค้าขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อกับตำรวจบ้างหรือ ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อเสรีภาพและทรัพย์สินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 337 ประกอบด้วยมาตรา 80