คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขับไล่ผู้เช่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2062/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ฎีกาในคดีขับไล่ผู้เช่าและเรียกค่าเสียหาย: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท และเรียกค่าเสียหายเดือนละ 50,000 บาทนับแต่วันฟ้องอันเป็นค่าเสียหายในอนาคต จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาเช่าตามฟ้อง แต่โจทก์ให้จำเลยเช่าต่อไปอีก 10 ปีด้วยวาจาต่างหากจากสัญญาเช่าอันเป็นสัญญาต่างตอบแทน ส่วนค่าเสียหายก็ไม่เท่าที่ฟ้อง ดังนี้ จำเลย มิได้ต่อสู้คดีกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือไม่ได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีเป็นอันยุติไปตาม คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาไม่ชอบด้วย มาตรา 249 ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2568/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาการก่อสร้าง: การผิดสัญญาเรื่องการขับไล่ผู้เช่า และผลกระทบต่อค่าเสียหาย
สัญญาก่อสร้างตึกแถวมีข้อความว่า ผู้ก่อสร้าง (จำเลย) ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการขับไล่ผู้อยู่อาศัยที่ยังเหลืออยู่อีกสองรายในที่ดิน ส่วนที่ผู้ให้ก่อสร้าง (โจทก์) ชนะคดีแล้วนั้น ผู้ให้ก่อสร้างรับผิดชอบขับไล่ให้โดยบังคับคดีภายใน 20 วันนับแต่วันทำสัญญา ดังนี้ เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำแถลงให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีให้ผู้เช่าออกจากตึกแถวแล้วตามสัญญามิได้หมายความว่าโจทก์จะต้องขับไล่ผู้เช่าออกไปจากตึกแถวภายใน 20 วันนับแต่วันทำสัญญา ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นได้ว่าการทำสัญญาก่อสร้างระหว่างโจทก์จำเลยมิได้มุ่งเรื่องเวลาเป็นข้อสารสำคัญ หากแต่มีเจตนาผ่อนปรนซึ่งกันและกันตามสมควร
ในกรณีผิดสัญญา สิทธิของคู่สัญญาที่จะบังคับเอาแก่คู่สัญญาฝ่ายที่ผิดสัญญานั้นมีอยู่สองประการ คือ บังคับให้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามมูลหนี้ประการหนึ่ง กับบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายอีกประการหนึ่ง คดีนี้โจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้วย่อมจะบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาไม่ได้ การที่โจทก์อ้างว่าถ้าจำเลยสร้างตึกแถวเสร็จโจทก์จะได้กรรมสิทธิ์และได้ค่าเช่านั้น เท่ากับโจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิ แต่การที่จำเลยผิดสัญญาทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่จะได้รับค่าหน้าดินตามสัญญา ค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้จึงควรเท่ากับจำนวนเงินดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ตามสัญญาการก่อสร้าง: การขับไล่ผู้เช่าและการปฏิบัติตามสัญญาโดยวิธีอื่น
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความว่า จำเลยมอบอำนาจให้ผู้เริ่มก่อการบริษัทโจทก์ทำการขับไล่หรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เช่าอยู่ในบริเวณที่ดินที่โจทก์จะปลูกสร้างโดยผู้เริ่มก่อการบริษัทโจทก์จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแต่ผู้เดียว จำเลยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้นนั้น หมายความว่าโจทก์มีหน้าที่ดำเนินการขับไล่หรือทำอย่างไรให้ผู้เช่าที่ดินที่จะใช้ก่อสร้างรื้อถอนขนย้ายอาคารออกไปเพื่อสร้างใหม่ โดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายแต่ผู้เดียว หากไม่จัดการดังกล่าจึงจะเรียกได้ว่าโจทก์ผิดสัญญา ถึงแม้โจทก์จะเคยไปติดต่อขอให้เทศบาลดำเนินการขับไล่ผู้เช่าที่ดิน เทศบาลเรียกร้องเงินจำนวนหนึ่ง แต่โจทก์เห็นว่าเป็นเงินจำนวนมากเกินไปจึงดำเนินการฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ดินเอง ก็ถือว่าโจทก์ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว จำเลยจะยกเหตุที่โจทก์ไม่ชำระเงินแก่เทศบาลมาเป็นเหตุยกเลิกสัญญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่า: ศาลฎีกายืนฟ้องสมบูรณ์ แม้ไม่ใช้ศัพท์กฎหมายตรงตามตัว เพราะเนื้อหาฟ้องบ่งชี้ชัดเจนถึงการผิดนัดชำระค่าเช่า
ในคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทซึ่งเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติดกัน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์มาแต่ชั้นศาลอุทธรณ์แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ก็ต้องถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ชั้นอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
การบรรยายฟ้องให้เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มุ่งประสงค์อย่างใดนั้นไม่จำต้องใช้ศัพท์ให้ตรงตามกฎหมายเสมอไป
ฟ้องของโจทก์เมื่ออ่านรวมกันมาตั้งแต่ต้น ย่อมบ่งให้เห็นว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่า 2 คราวติด ๆ กันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่าที่มีค่าเช่าต่ำกว่าเกณฑ์ พ.ร.บ.ควบคุมเคหะฯ และการแก้ไขคำฟ้องที่พิมพ์ผิดพลาด
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท. และโจทก์ตั้งทุนทรัพย์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพียง 1,500 บาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ขอแก้คำฟ้องที่ว่า จำเลยได้เช่าตึกแถว เลขที่ 493/9เป็นจำเลยได้เช่าตึกแถวเลขที่ 493/12 ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์พิมพ์เลขผิดพลาด เพราะสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนี้ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงรับเช่าตึกแถว 2 ชั้นห้องหมายเลขทะเบียนที่ 493/12 การขอแก้ไขคำฟ้องที่พิมพ์ผิดพลาด ย่อมไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ที่โจทก์จะต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน
หลังจากครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลย การที่จำเลยอยู่ต่อมาอีก ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยอยู่โดยละเมิด และถือว่าเงินค่าเช่าที่โจทก์รับไปเดือนละ 200 บาทนั้น เป็นค่าเสียหาย ฉะนั้นเมื่อจำเลยอยู่ต่อมา ฟังไม่ได้ว่าเป็นการเช่าแล้วพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นย่อมไม่คุ้มครองจำเลย
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ไม่ได้คุ้มครองถึงการเรียกร้องค่าเสียหายไว้แต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีขับไล่ผู้เช่า: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม อ้างค่าเช่าไม่เกินเกณฑ์, แก้ฟ้องเลขที่ถูกต้อง, และการอยู่ต่อหลังสัญญาหมดอายุไม่คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท. และโจทก์ตั้งทุนทรัพย์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยเพียง 1,500 บาท. จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์. และมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง.
ขอแก้คำฟ้องที่ว่า จำเลยได้เช่าตึกแถว เลขที่ 493/9เป็นจำเลยได้เช่าตึกแถวเลขที่ 493/12. ดังนี้ เป็นกรณีที่โจทก์พิมพ์เลขผิดพลาด เพราะสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนี้ระบุไว้ชัดว่าจำเลยตกลงรับเช่าตึกแถว 2 ชั้นห้องหมายเลขทะเบียนที่ 493/12. การขอแก้ไขคำฟ้องที่พิมพ์ผิดพลาด ย่อมไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ที่โจทก์จะต้องยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยาน.
หลังจากครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์ได้บอกเลิกการเช่ากับจำเลย. การที่จำเลยอยู่ต่อมาอีก. ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยอยู่โดยละเมิด และถือว่าเงินค่าเช่าที่โจทก์รับไปเดือนละ 200 บาทนั้น เป็นค่าเสียหาย. ฉะนั้นเมื่อจำเลยอยู่ต่อมา ฟังไม่ได้ว่าเป็นการเช่าแล้ว.พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้นย่อมไม่คุ้มครองจำเลย.
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ไม่ได้คุ้มครองถึงการเรียกร้องค่าเสียหายไว้แต่ประการใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงื่อนไขสัญญาซื้อขายที่ดิน: การบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ขายแพ้คดีขับไล่ผู้เช่า
สัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีข้อหนึ่งว่า "ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงจะโอนซื้อขายกันเด็ดขาดณ หอทะเบียนที่ดินในเมื่อผู้ขายได้ฟ้องขับไล่นางเลื่อนผู้เช่าจนคดีถึงที่สุด" ดังนี้โจทก์ก็ยอมสืบอธิบายสัญญาได้ที่+ข้อความเช่นนี้ ก็เพราะผู้ซื้อประสงค์จะเข้าอยู่เอง
ฉนั้นถ้าผู้ขายฟ้องขับไล่ผู้เช่าจนคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ผู้ขายเป็นฝ่ายแพ้คดี ผู้เช่าก็ยังคงได้อยู่ในที่ดินบ้านเรือนนี้ต่อไป ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิ์บอกยกเลิกสัญญาและขอรับเงินมัดจำในการซื้อขายคืนได้