คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขู่กรรโชกทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการขู่กรรโชกทรัพย์และเจตนาฆ่า แม้ไม่ได้ลงมือเองก็ต้องรับผิดชอบ
จำเลยกับพวกร่วมกันมีจดหมายขู่ผู้เสียหายให้นำเงิน 1 ล้านบาทมอบให้จำเลยกับพวก มิฉะนั้นจะฆ่าผู้เสียหายกับบุตรและภริยาผู้เสียหาย ผู้เสียหายแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจทราบ และได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้เสียหายขับรถไปบริเวณที่จำเลยกับพวกนัดหมายไว้ เมื่อผู้เสียหายขับรถไปถึง พบจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มาติดต่อเพื่อขอรับเงิน จึงถูกเจ้าพนักงานตำรวจที่ติดตามมาจับกุมได้หลังจากนั้นเกิดการยิงต่อสู้ระหว่างพวกจำเลยกับผู้เสียหายและเจ้าพนักงานตำรวจ เช่นนี้ แม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายกับพวก แต่ก็เป็นเวลาต่อเนื่องและเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่จำเลยร่วมกันกระทำยังไม่ขาดตอน โดยจำเลยกับพวกมีเจตนาร่วมกันมาแต่ต้น ในข้อที่ว่าหากผู้เสียหายไม่ยอมมอบเงินให้ก็จะฆ่าผู้เสียหายเสีย พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจเกิดการกระทำความผิดฐานฆ่าหรือพยายามฆ่าผู้อื่นขึ้นได้ถือได้ว่าเป็นความผิดที่อยู่ในขอบเขตที่จำเลยกับพวกตกลงร่วมกันจะกระทำมาแต่ต้น จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 จึงต้องรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นด้วย
จำเลยที่ 3 ใช้รถจักรยานยนต์ขับขี่ติดตามรถยนต์ของผู้เสียหายเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อรับเงินจากการกระทำความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ถือได้ว่ารถจักรยานยนต์เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงให้ริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับเรียกค่าไถ่และการขู่กรรโชกทรัพย์ ศาลฎีกาวินิจฉัยความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่เข้าข่าย
จำเลยกับพวกจับตัวผู้เสียหายไปควบคุมตัวไว้แล้วบังคับเอาเงินจากพ่อตาและภรรยาเพื่อสินไถ่และเรียกผู้เสียหายคนอื่นอีก 6 คนมาหาว่าลักควาย บังคับให้หาเงินมาให้จำเลยดังนี้ การกระทำในตอนแรกเป็นเรื่องจับตัวไปบังคับเรียกเอาค่าสินไถ่โดยตรง การกระทำในตอนหลัง ก็ไม่มีกริยาเป็นโจรชิงทรัพย์ตามความหมายของ ก.ม. จึงไม่ใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฏหมายอาญามาตรา 301 - 270 แต่ให้รวมกะทงลงโทษตาม ม.270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่บทเดียว โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านประการใด ดังนี้
เมื่อศาลฎีกาคงเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนักอยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าจำเลยไม่ผิดตามม.301ด้วย ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีผิดฐานใดอีก เพราะลงโทษบทหนักอยู่แล้ว
อัยยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฏหมายอาญามาตรา 301-270 กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ ถ้าศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 301 แล้ว อัยยการก็ไม่มีอำนาจเรียกเงินคืนแทนผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามขู่กรรโชกทรัพย์: การกระทำยังไม่สำเร็จความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์
เอาอำนาจผู้ร้ายเข้าขู่ให้เขานำเงินมาให้ แต่ยังไม่ได้ไป มีผิดฐานพยายามชิงทรัพย์