คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อกล่าวอ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินมรดกโดยผู้ไม่มีอำนาจ และผลของการไม่ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของโจทก์
โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานน้อยกว่าสามวันโดยมิได้ทำคำร้องแสดงว่าเหตุใดจึงยื่นภายในกำหนดเวลาไม่ได้เพื่อให้ศาลได้มีโอกาสพิจารณาเหตุผลของโจทก์ว่าสมควรจะรับบัญชีระบุพยานไว้หรือไม่ดังนี้ ศาลจะสั่งรับบัญชีระบุพยานของโจทก์โดยเหตุผลเพียงว่าโจทก์ไม่มีเจตนาจงใจ และไม่ทำให้คู่ความอีกฝ่ายเสียเปรียบหาได้ไม่ เพราะข้อได้เปรียบเสียเปรียบในเชิงคดีมีอยู่อย่างชัดแจ้ง
ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่า รถยนต์ที่โจทก์นำยึดเป็นสินบริคณห์ระหว่างผู้ร้องกับเจ้ามรดกขณะโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลได้ถอดถอนจำเลยแล้ว จำเลยไม่มีอำนาจทำนิติกรรมใดๆ ในฐานะผู้จัดการมรดกได้ต่อไป สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยไม่ผูกพันกองมรดก โจทก์มิได้กล่าวแก้ข้ออ้างของผู้ร้องดังกล่าวแต่ประการใด เมื่อโจทก์ไม่ปฏิเสธย่อมถือได้ว่าโจทก์ยอมรับ จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า โจทก์เข้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 831,1720 หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่: โจทก์ต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่ดิน หรืออาศัยอำนาจตามกฎหมาย หากมิได้อ้างอิงอำนาจตามกฎหมายเฉพาะ ศาลต้องฟังตามที่โจทก์กล่าวอ้าง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นโจทก์ฟ้องคดีบรรยายฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ โจทก์ได้แจ้งการครอบครองที่ดินแปลงนี้ไว้แล้ว โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์และขอให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาตามฟ้องแล้วเห็นได้ว่าโจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เอง มิได้อาศัยอำนาจจากอธิบดีกรมที่ดินซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479 และมิได้อ้างอำนาจตามมาตรา 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีภาษี: ผู้ถูกประเมินต้องพิสูจน์ข้อกล่าวอ้างการประเมินไม่ถูกต้อง
ตามประมวลรัษฎากร ให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจแก้จำนวนเงินที่ประเมินแล้วแจ้งให้เสียภาษีเพิ่มได้ตามวิธีการที่กฎหมายบัญญัติไว้ ผู้รับแจ้งมีหน้าที่ต้องชำระเงินตามที่เจ้าพนักงานแจ้งให้ทราบ เว้นแต่ผู้รับแจ้งจะได้อุทธรณ์หรือฟ้องต่อศาลแล้วกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือศาลจะมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ฉะนั้น เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องก็ย่อมเป็นการกล่าวอ้างว่า การเรียกเก็บภาษีของจำเลยซึ่งมีผลอยู่นั้นเป็นการไม่ถูกต้อง จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบว่าเป็นจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้าง โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า แม้จำเลยมิได้อ้างตั้งแต่แรก ศาลหยิบยกได้หากปรากฏตามข้อกล่าวอ้างและข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าพิพาท เมื่อปรากฏข้อความในฟ้อง ทำให้เข้าใจได้ว่าจำเลยอยู่ในห้องเช่าพิพาทนี้และตามคำให้การของจำเลย ก็บอกไว้ว่าจำเลยตั้งบ้านเรือนอยู่ในตำบลเขตเทศบาล ดังนี้ ก็พอฟังได้ว่าห้องพิพาทกันนี้อยู่ในเขตเทศบาล และจำเลยยังกล่าวในคำให้การว่า โจทก์ขึ้นค่าเช่ามีเจตนาฝ่าฝืน พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯ จำเลยจึงปฏิเสธ ดังนี้พอฟังได้ว่าจำเลยกล่าวอ้างขอความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ศาลพิจารณาตามเจตนาในสัญญา ไม่ผูกพันข้อกล่าวอ้างเดิม
เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยยอมเลิกคดีกันแล้วข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง หรือที่จำเลยกล่าวในคำให้การก็ดี จะถือเอามาเป็นความจริงอย่างไรในชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาท้ายยอมนั้นไม่ได้ ศาลได้แต่จะพิเคราะห์ดูถึงเจตนาอันแท้จริงของโจทก์จำเลยตามข้อความเท่าที่ปรากฏอยู่ในสัญญายอมนั้นเท่านั้น