พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5124/2546
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดขอบเขตการฟ้องคดีสถาบันการเงินที่ถูกระงับการดำเนินงาน หนี้ยังคงบังคับได้ แม้มีการประกาศของ ปรส.
การที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนระงับการดำเนินกิจการมิได้มีผลให้หนี้ระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์ระงับไป ส่วนการบังคับชำระหนี้จะดำเนินการโดยวิธีใดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อพิจารณาประกอบกับมาตรา 26 แห่งพระราชกำหนดการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2540 ที่ห้ามไว้แต่เฉพาะจะฟ้องบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินกิจการและสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องเป็นคดีล้มละลายในระหว่างดำเนินการตามแผนเพื่อการแก้ไขฟื้นฟูที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ปรส. ไม่ได้ เท่านั้น ส่วนประกาศของคณะกรรมการ ปรส. ว่าด้วยการยื่นคำขอรับชำระหนี้ก็มิได้บังคับว่า เจ้าหนี้จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อ ปรส. เท่านั้น และโดยสภาพโจทก์ไม่สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้เพราะวันที่โจทก์ยื่นฟ้อง คือวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2541 ยังไม่มีประกาศของคณะกรรมการ ปรส. ออกใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดให้ชัดเจน หากฟ้องแล้วขอลงโทษฐานอื่นย่อมทำไม่ได้
ความผิดฐานใช้อุบายหลอกลวงไปเพื่อการอนาจาร กับใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อการอนาจาร แม้เป็นความผิดในมาตราเดียวกันแต่ลักษณะของการกระทำต่างกัน องค์ประกอบในการกระทำความผิดจึงต่างกัน เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยกับพวกที่หลบหนีได้บังอาจร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายฉุดลากพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร ดังนี้ โจทก์จะกลับขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้อุบายหลอกลวงเพื่อการอนาจารหาได้ไม่ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคแรก.