พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5412/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงชำระหนี้ไม่ใช่การยอมความ ไม่กระทบสิทธิฟ้องคดีอาญา
บันทึกเงื่อนไขการชำระหนี้ที่จำเลยตกลงยินยอมผ่อนชำระหนี้ตามเช็คพิพาทกับหนี้ในคดีอื่นอีกพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ หากจำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ตามบันทึกครบถ้วนโจทก์จะถอนฟ้องคดีนี้และคดีอื่นทั้งหมด หากจำเลยผิดเงื่อนไขยินยอมให้ยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาต่อไปตามที่โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงกันนั้น เป็นเพียงข้อตกลงที่จำเลยทั้งสองจะชดใช้เงินของโจทก์ที่ยังได้รับชำระหนี้ไม่ครบถ้วน ไม่มีข้อความตอนใดแสดงว่าโจทก์ตกลง เลิกหรือระงับการดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยทั้งสอง ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นเพียงบันทึกที่จะชดใช้ค่าเสียหายกันในทางแพ่ง มิใช่เป็นการยอมความอันมีผลทำให้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาของโจทก์ต้องระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) คดีจึงยังไม่เลิกกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7653/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงชำระหนี้ไม่เป็นยอมความ, การนำสืบพยานหลักฐานในคดีเช็ค
บันทึกข้อตกลงที่จำเลยและ ศ.ทำไว้แก่โจทก์เพื่อยืนยันและรับสภาพหนี้ระบุว่า จำเลยขอทำการตกลงกับโจทก์ว่าจะนำเงินมาชำระให้เสร็จตามจำนวนที่ลงในเช็คพิพาทภายใน 2 เดือน นับแต่วันทำหนังสือ เมื่อชำระเสร็จแล้วโจทก์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งอีกต่อไป หากไม่สามารถชำระได้อีกยินยอมให้โจทก์ดำเนินคดีตามเช็คดังกล่าวได้ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง และ ศ.ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวยินยอมสั่งจ่ายเช็คอีกฉบับหนึ่งซึ่งเป็นเช็คล่วงหน้าให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมและตามเช็คดังกล่าว เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระให้โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินได้ทันที บันทึกข้อตกลงดังกล่าวไม่ใช่เป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะยังมีเงื่อนไขที่ให้จำเลยชำระเงินคืนให้โจทก์เสร็จสิ้นก่อนโจทก์จึงจะไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลย เมื่อจำเลยไม่ได้ชำระเงินคืนแก่โจทก์ และเช็คที่ ศ.บุตรจำเลยสั่งจ่ายชำระหนี้ให้โจทก์ถูก ศ.แจ้งธนาคารให้ระงับการจ่ายเงิน สิทธินำคดีอาญามาฟ้องตามเช็คฉบับพิพาทของโจทก์จึงยังไม่ระงับ
ในคดีอาญา ป.วิ.อ. มาตรา 226 มาตรา 227 ได้บัญญัติเกี่ยวกับการอ้างและการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานไว้โดยเฉพาะแล้วการที่จำเลยนำสืบถึงความเป็นมาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของจำเลย จำเลยย่อมนำสืบได้ แม้จะเป็นการนำสืบหักล้างเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเอกสารก็ตาม กรณีเช่นว่านี้จะนำ ป.วิ.พ.มาตรา 94มาใช้บังคับไม่ได้
ในคดีอาญา ป.วิ.อ. มาตรา 226 มาตรา 227 ได้บัญญัติเกี่ยวกับการอ้างและการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานไว้โดยเฉพาะแล้วการที่จำเลยนำสืบถึงความเป็นมาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน เพื่อพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของจำเลย จำเลยย่อมนำสืบได้ แม้จะเป็นการนำสืบหักล้างเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเอกสารก็ตาม กรณีเช่นว่านี้จะนำ ป.วิ.พ.มาตรา 94มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7014/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงชำระหนี้ผูกพันจำเลยโดยตรง แม้จะอ้างทำแทนบริษัทอื่น การผิดนัดชำระหนี้ตามข้อตกลงจำเลยต้องรับผิด
หนังสือตกลงชำระหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญา-ประนีประนอมยอมความผ่อนผันการชำระค่าเสียหายซึ่งเกิดขึ้นจากการที่จำเลยผิดสัญญาส่งข้าวโพดทำให้โจทก์ต้องไปซื้อข้าวโพดราคาสูงขึ้น แต่ตกลงผ่อนผันกันตามข้อตกลงชำระหนี้ระหว่างคู่กรณีโดยคิดค่าเสียหายจากราคาหาบละ 177 บาท ซึ่งคิดคำนวณค่าเสียหายได้เพียง 240,000 บาท และให้ฝ่ายจำเลยผ่อนชำระค่าเสียหายเช่นนี้หนี้ตามสัญญาเดิมจึงระงับและมาบังคับกันตามข้อตกลงยอมชำระหนี้ดังกล่าวนี้ต่อไป
การที่จำเลยนำสืบว่าบริษัท ส. คือบริษัท ต. และจำเลยมาทำการแทนบริษัท ส.ในการทำข้อตกลงยอมชำระหนี้กับโจทก์เป็นการนำสืบนอกคำให้การ รับฟังไม่ได้
จำเลยเข้าทำข้อตกลงยอมชำระหนี้แก่โจทก์ตามข้อตกลงชำระหนี้ในนามตนเอง การที่จำเลยอ้างว่าทำแทนบริษัท ส.ซึ่งไม่มีตัวตน จำเลยจึงต้องรับผิดเป็นส่วนตัว และจำเลยผิดนัดต่อโจทก์โดยไม่ยอมผ่อนชำระหนี้ตามข้อตกลงจึงต้องรับผิดพร้อมทั้งดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด
การที่จำเลยนำสืบว่าบริษัท ส. คือบริษัท ต. และจำเลยมาทำการแทนบริษัท ส.ในการทำข้อตกลงยอมชำระหนี้กับโจทก์เป็นการนำสืบนอกคำให้การ รับฟังไม่ได้
จำเลยเข้าทำข้อตกลงยอมชำระหนี้แก่โจทก์ตามข้อตกลงชำระหนี้ในนามตนเอง การที่จำเลยอ้างว่าทำแทนบริษัท ส.ซึ่งไม่มีตัวตน จำเลยจึงต้องรับผิดเป็นส่วนตัว และจำเลยผิดนัดต่อโจทก์โดยไม่ยอมผ่อนชำระหนี้ตามข้อตกลงจึงต้องรับผิดพร้อมทั้งดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5387-5388/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงชำระหนี้ด้วยการก่อสร้างไม่ถือเป็นการยอมความ หรือแปลงหนี้ ทำให้สิทธิฟ้องอาญาไม่ระงับ
ข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยมีเงื่อนไขในลักษณะที่โจทก์มีเจตนาจะให้จำเลยทำงานให้โจทก์แล้วเสร็จก่อน แล้วจึงหักหนี้ค่าก่อสร้างกับมูลหนี้ที่ออกเช็คพิพาทคดีนี้ภายหลัง เมื่อจำเลยก่อสร้างหรือชำระหนี้ให้โจทก์ครบถ้วน โจทก์จึงจะถอนฟ้องคดีนี้ให้ ไม่มีข้อความตอนใดแสดงว่าโจทก์ตกลงระงับข้อพิพาทหรือสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยทันทีแต่อย่างใด จึงมิใช่การยอมความเพื่อให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์ฝ่ายเดียวผ่อนผันการชำระหนี้ให้แก่จำเลยมิใช่ต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ทำให้มูลหนี้เดิมตามเช็คระงับไป แล้วเกิดหนี้ใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความทั้งไม่มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้จึงมิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่อันจะทำให้หนี้เดิมระงับไปแต่อย่างใด เมื่อจำเลยมิได้ใช้เงินตามเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับให้โจทก์ และหนี้ที่ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นก็ไม่สิ้นผลผูกพันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 7 คดีจึงไม่เลิกกัน
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์ฝ่ายเดียวผ่อนผันการชำระหนี้ให้แก่จำเลยมิใช่ต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ทำให้มูลหนี้เดิมตามเช็คระงับไป แล้วเกิดหนี้ใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความทั้งไม่มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้จึงมิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่อันจะทำให้หนี้เดิมระงับไปแต่อย่างใด เมื่อจำเลยมิได้ใช้เงินตามเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับให้โจทก์ และหนี้ที่ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นก็ไม่สิ้นผลผูกพันตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 7 คดีจึงไม่เลิกกัน