พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-ข้อเท็จจริงผูกพัน: ศาลฎีกาพิจารณาว่าคดีใหม่มีประเด็นต่างจากคดีก่อนหรือไม่ และข้อเท็จจริงในคดีก่อนมีผลผูกพันในคดีหลังได้หรือไม่
แม้คดีก่อนและคดีนี้จะมีประเด็นข้อพิพาทเป็นอย่างเดียวกันว่าที่ดินพิพาททั้งสองคดีเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินของจำเลยร่วมซึ่งมีเนื้อที่2,172ไร่หรือไม่แต่เมื่อที่ดินพิพาทเป็นคนละแปลงกันซึ่งคำฟ้องของโจทก์ในคดีก่อนซึ่งเป็นจำเลยคดีนี้มิได้กล่าวหรือขอให้ศาลพิพากษาเกี่ยวกับที่ดินพิพาทในคดีนี้ทั้งคดีนี้ยังมีข้อหาละเมิดซึ่งในคดีก่อนไม่มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยจึงต่างกันส่วนประเด็นที่ว่าจำเลยร่วมเป็นเจ้าของที่ดินจำนวน2,172ไร่หรือไม่ก็เป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงในคดีก่อนซึ่งได้ว่ากันมาแล้วจนถึงที่สุดจะนำมาใช้ในคดีนี้ให้มีผลผูกพันกันได้หรือไม่อีกประเด็นหนึ่งคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1824/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยกับการรับผิดทางละเมิด: ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
ศาลพิพากษาในคดีอาญาว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยไม่ใช่เพราะความประมาทของจำเลยที่1เช่นนี้โจทก์ที่1และโจทก์ที่2ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาดังกล่าวจึงต้องถูกผูกพันด้วยศาลจำต้องฟังในคดีแพ่งว่าจำเลยที่1มิได้ประมาทเลินเล่อจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่1และโจทก์ที่2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงในคดีก่อนผูกพันคดีหลัง-งดสืบพยาน-ค่าขึ้นศาล
ข้อเท็จจริงในคดีก่อนซึ่งได้ว่ากันมาแล้วจนถึงที่สุดในชั้นฎีกา ย่อมผูกพันคู่กรณีในคดีหลังซึ่งเคยเป็นคู่ความกันมาในคดีก่อน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปิดกั้นคูหรือลำรางพิพาท จำเลยให้การรับว่าปิดจริง แต่ปิดกั้นคูหรือลำรางในที่ดินของจำเลย ดังนี้ จึงไม่มีประเด็นจะต้องสืบในข้อที่ว่าจำเลยปิดกั้นคูหรือลำรางหรือไม่
ในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา จำเลยเพียงแต่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานเท่านั้น ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จึงเท่ากับจำเลยขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่ให้งดสืบพยานดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ ดังนั้น ค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา จำเลยจึงควรเสียเพียงศาลละ 50 บาทตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(อ้างฎีกาที่ 1689/2497)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปิดกั้นคูหรือลำรางพิพาท จำเลยให้การรับว่าปิดจริง แต่ปิดกั้นคูหรือลำรางในที่ดินของจำเลย ดังนี้ จึงไม่มีประเด็นจะต้องสืบในข้อที่ว่าจำเลยปิดกั้นคูหรือลำรางหรือไม่
ในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา จำเลยเพียงแต่ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานเท่านั้น ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี จึงเท่ากับจำเลยขอให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่ให้งดสืบพยานดำเนินการสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ ดังนั้น ค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา จำเลยจึงควรเสียเพียงศาลละ 50 บาทตามตาราง 1 ข้อ 2 ก. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(อ้างฎีกาที่ 1689/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: การบุกรุกที่ดินและการชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งทางแพ่งและทางอาญารวมกันมา หาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทของโจทก์และนำข้อความเท็จแจ้งพนักงานสอบสวนว่าโจทก์บุกรุกที่นา (แปลงเดียวกัน) ของจำเลย ขอให้ลงโทษและใช้ค่าเสียหาย คดีส่วนอาญา ศาลชั้นต้นสั่งคดีมีมูลเฉพาะข้อหาแจ้งข้อความเท็จ ส่วนเรื่องบุกรุกโต้เถียงกรรมสิทธิ์ว่าเป็นกรณีทางแพ่งก็รับไว้พิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์บุกรุก ขอให้ใช้ค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานเกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยในทางแพ่ง ดังนี้ ในส่วนแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 ศาลก็ต้องถือตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์บุกรุก ซึ่งเป็นละเมิด โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในคดีล้มละลาย เนื่องจากข้อเท็จจริงผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญา
จำเลยกับพวกเคยถูกอัยการฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกง ศาลได้ลงโทษจำคุกจำเลยและให้จำเลยคืนเงินแก่บรรดาผู้เสียหายที่ได้ร้องทุกข์ซึ่งปรากฎว่าโจทก์เป็นผู้ร้องทุกข์คนหนึ่งด้วย
ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแพ่ง จำเลยขอยื่นบัญชีระบุพยานและการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนั้นศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาส่วนอาญาดังนี้ย่อมตัดบทมีให้จำเลยสืบพยานผิดเพี้ยนไปอย่างใดอีก เมื่อจำเลยไม่อ้างข้อ ก.ม.ให้ชัดแจ้งว่าควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานด้วยเหตุใดจึงให้ยกเสีย
ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแพ่ง จำเลยขอยื่นบัญชีระบุพยานและการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนั้นศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาส่วนอาญาดังนี้ย่อมตัดบทมีให้จำเลยสืบพยานผิดเพี้ยนไปอย่างใดอีก เมื่อจำเลยไม่อ้างข้อ ก.ม.ให้ชัดแจ้งว่าควรอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานด้วยเหตุใดจึงให้ยกเสีย