คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีต่อเนื่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 17 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษคดีอาญาต่อเนื่อง: ศาลชอบที่จะนับโทษต่อได้แม้คดีเดิมยังไม่ถึงที่สุด
เมื่อคดีอาญาอีกคดีหนึ่งของศาลจังหวัดชลบุรีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 หากศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยังมิได้มีคำพิพากษาเปลี่ยนแปลงโดยพิพากษาแก้หรือกลับผลของคำพิพากษาศาลจังหวัดชลบุรีแล้ว จำเลยยังคงต้องถูกบังคับตามโทษในคดีอาญาดังกล่าว ศาลชั้นต้นชอบที่จะนับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีนั้นต่อไปจนกว่าผลของคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าวิชาชีพทนายความ: คดีต่อเนื่องกับการฟ้องขับไล่ และคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายแยกต่างหาก
โจทก์ซึ่งเป็นทนายความรับว่าความให้แก่จำเลยเพื่อฟ้องขับไล่ ช. กับพวกผู้เช่าออกไปจากตึกแถวและแผงลอยทั้งหมดโดยตกลงค่าวิชาชีพกันไว้เป็นจำนวนแน่นอน เมื่อโจทก์ดำเนินการให้จำเลยจนบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว คือฟ้องขับไล่และดำเนินการให้ผู้เช่าขนย้ายออกจากที่ดินที่เช่า เพื่อให้จำเลยซึ่งเป็นตัวความเข้าครอบครองที่ดินและ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โจทก์ชอบที่จะได้รับค่าวิชาชีพเต็มตามจำนวน แม้จำเลยจะมีส่วนในการทำความตกลงกับผู้เช่าบางรายจนมีการประนีประนอมยอมความกันก็ตาม
ในระหว่างที่โจทก์ดำเนินการขับไล่ผู้เช่า ช. กับพวกซึ่งเป็นผู้เช่าได้ยื่นฟ้องจำเลยกับพวกเป็นคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ 10425/2534 กล่าวหาว่าจำเลยกับพวกร่วมกันทำสัญญาเช่าที่ดินโดยทุจริต ขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าและชดใช้ค่าเสียหาย ต่อมาจำเลยได้ยื่นฟ้อง ช. กับพวกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 16093/2534 ฐานละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย คดีทั้งสองเรื่องดังกล่าวจำเลยได้มอบให้โจทก์เป็นทนายความแก้ต่างและยื่นฟ้อง เมื่อคดีทั้งสองไม่มี ความสัมพันธ์กับคดีที่จำเลยฟ้องขับไล่ ช. กับพวก จึงไม่ใช่คดีที่ต่อเนื่องกัน จำเลยจึงต้องชำระค่าวิชาชีพในคดีแพ่งทั้งสองแยกต่างหากจากค่าวิชาชีพในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ ช. กับพวก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าวิชาชีพทนายความ: การกำหนดอัตรา, คดีต่อเนื่อง, และการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์ซึ่งเป็นทนายความรับว่าความให้กับจำเลยเพื่อฟ้อง ขับไล่ผู้เช่าออกไปจากตึกแถวและแผงลอยทั้งหมดโดยตกลง ค่าวิชาชีพกันไว้เป็นจำนวนแน่นอน เมื่อโจทก์ดำเนินการให้ จำเลยบรรลุวัตถุประสงค์คือดำเนินคดีฟ้องขับไล่และดำเนินการ ให้ผู้เช่าขนย้ายออกจากที่ดินที่เช่า เพื่อให้จำเลยซึ่งเป็น ตัวความเข้าครอบครองที่ดินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โจทก์ชอบ ที่จะได้รับค่าวิชาชีพเต็มตามจำนวน แม้จำเลยจะมีส่วนในการ ทำความตกลงกับผู้เช่าบางรายจนมีการประนีประนอมยอมความกันก็ตาม ในระหว่างที่โจทก์ดำเนินการฟ้องขับไล่ผู้เช่า ช.กับพวกซึ่งเป็นผู้เช่าได้ยื่นฟ้องจำเลยกับพวกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 10425/2534 กล่าวหาว่าจำเลยกับพวกร่วมกันทำสัญญาเช่าที่ดินโดยทุจริต ขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าและชดใช้ ค่าเสียหาย ต่อมาจำเลยได้ยื่นฟ้อง ช. กับพวกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 16093/2534 ฐานละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายคดีทั้งสองเรื่องดังกล่าวจำเลยได้มอบให้โจทก์เป็นทนายความ แก้ต่างและยื่นฟ้อง เมื่อคดีทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์กับคดี ที่จำเลยฟ้องขับไล่ ช. กับพวก จึงไม่ใช่คดีที่ต่อเนื่องกันจำเลยจึงต้องชำระค่าวิชาชีพในคดีแพ่งทั้งสองคดีรวมกัน โดยแยกต่างหากจากค่าวิชาชีพในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่ ช. กับพวก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษีอากรสะดุดหยุดเมื่อแจ้งประเมินและอุทธรณ์คดีต่อเนื่อง แม้เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี
เมื่อโจทก์ได้รับแจ้งการประเมินจากจำเลยให้เสียภาษีอากรอายุความย่อมสะดุดหยุดลงนับแต่วันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 แม้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จะวินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณ์เมื่อพ้น 10 ปี นับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งการประเมิน แต่การที่โจทก์อุทธรณ์การประเมินดังกล่าวทั้งฟ้องคดี ต่อศาลเป็นคดีสืบเนื่องกันมา ถือได้ว่าเป็นเหตุให้ อายุความสะดุดหยุดอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 175หนี้ค่าภาษีอากรของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อในคดีอาญาต่อเนื่อง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและศาลทราบถึงคดีก่อนหน้า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อพร้อมกับระบุหมายเลขคดีดำของศาลชั้นต้นที่จำเลยต้องขังอยู่มาในฟ้อง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยที่ขอให้นับโทษต่อจริง โดยที่คดีนี้กับคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาติดต่อกันไป ดังนั้นโจทก์ย่อมไม่อาจแถลงต่อศาลได้ว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อนั้นมีหมายเลขคดีแดงที่เท่าใด เมื่อความปรากฏต่อศาลและคู่ความชัดแจ้งว่าคดีที่ขอให้นับโทษต่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้โดยที่ไม่แถลงต่อศาลซ้ำอีก ศาลก็ให้นับโทษต่อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3747/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดครองป่าสงวนต่อเนื่อง: การขุดดินทำคันนาไม่ใช่การทำลายป่าใหม่
จำเลยขุดดินทำคันนาในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุอันเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมาจากการกระทำความผิดในคดีก่อนคือการยึดถือครอบครองที่เกิดเหตุที่ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การขุดดินทำคันนาเป็นการแสดงออกว่าจำเลยยังคงเป็นผู้ยึดถือครอบครองอยู่ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำลายและทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติขึ้นใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2974/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจรับคำร้องทุกข์ของพนักงานสอบสวน ไม่ผูกพันกับอำนาจสอบสวน คดีต่อเนื่องพิจารณาได้หลายท้องที่
การพิจารณาปัญหาว่าพนักงานสอบสวนผู้รับคำร้องทุกข์ไว้จะมีอำนาจรับคำร้องทุกข์นั้นหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการพิจารณาปัญหาว่าพนักงานสอบสวนผู้นั้นจะมีอำนาจสอบสวนในความผิดเรื่องนั้นด้วยหรือไม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 124มิได้บังคับให้ร้องทุกข์เฉพาะต่อเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสอบสวนเสมอไปเหตุนี้ พนักงานสอบสวนในท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง ซึ่งแม้จะมิได้มีอำนาจทำการสอบสวนในคดีใดเลย ก็ยังมีอำนาจรับคำร้องทุกข์ในคดีนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีต่อเนื่องหลังศาลยกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิ: สิทธิการฟ้องยังคงอยู่
คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 187/2507 ของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุด. แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นที่พิพาท และได้พิพากษาในคดีก่อนให้ยกฟ้องเสีย โดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์มาฟ้องใหม่. ส่วนประเด็นแห่งคดีก็เป็นการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง. ในคดีแรกยังอยู่ภายในระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375.และมาฟ้องคดีหลังก็เนื่องจากศาลอนุญาตให้มาฟ้องใหม่.ก็ต้องถือว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องร้องโดยถูกต้องมาแล้ว มาฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นการฟ้องต่อเนื่องกัน. หลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 174 เอามาใช้ไม่ได้.เพราะไม่ใช่อายุความ.
โจทก์ถูกแย่งการครอบครองตั้งแต่พฤษภาคม 2507. และโจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อนเมื่อ 7 สิงหาคม 2507. คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเรื่องก่อนเมื่อ 5 ตุลาคม 2508ให้ยกฟ้องโจทก์. โดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่. โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2508ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องได้.(โดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2512).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับโทษคดีอาญาต่อเนื่อง: หลักการนับโทษและการยกเว้น
การที่จำเลยได้ทำผิดจนต้องคำพิพากษาให้ลงโทษ 2 คดีนั้น จำเลยจะต้องรับโทษทั้ง 2 คดีติดต่อกัน เว้นแต่จะมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งให้นับโทษเป็นอย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1792/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแบ่งมรดกต่อเนื่องจากคดีเดิม แม้ฟ้องไม่สมบูรณ์แต่ถือว่าใช้ได้หากข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนเดิม
ในคดีก่อนศาลฎีกาวินิจฉัยไม่ตัดสิทธิที่จะให้โจทก์ว่ากล่าวเอาส่วนของตน หรือว่ากล่าวกันในทางมรดก โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยโดยบรรยายฟ้องท้าวความถึงคดีเดิมด้วยดังนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นเรื่อง สืบเนื่องมาจากคดีก่อนฉะนั้นแม้คำบรรยายฟ้องจะขาดตกบกพร่องในรายละเอียดไปบ้าง เช่นไม่ได้กล่าวถึงวันเดือนปีที่เจ้ามรดกตาย ตนได้ปกครองทรัพย์มาอย่างไร เหล่านี้แต่เมื่อปรากฎว่าข้อความเหล่านี้มีชัดอยู่แล้วในสำนวนก่อนและในการพิจารณาคดีนี้จำเลยก็รับรองเวลาตายของเจ้ามรดกแล้ว ก็ย่อมถือวได้ว่าฟ้องของโจทก์ในคดีนี้สมบูรณ์แล้ว ไม่เป็นการฟ้องเคลือบคลุม
of 2