คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีต่างกัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1982/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดกันของคำพิพากษาและการบังคับคดี ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยให้มีผลก้าวล่วงคดีที่บังคับคดีแล้วได้
คำพิพากษาคดีก่อนซึ่งถึงที่สุดแล้ว คดีแรกเป็นคดีที่มี ข้อพิพาทระหว่างโจทก์และจำเลยกับบุคคลภายนอก คดีที่สอง พิพาทระหว่างบุคคลภายนอกกับจำเลย ซึ่งเป็นเรื่องเพิกถอน นิติกรรมและเรื่องขับไล่ตามลำดับ ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกา คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์มีข้อพิพาทกับจำเลยในเรื่องขอหย่า และแบ่งทรัพย์สิน มูลคดีของคำพิพากษาจึงแตกต่างกันและ ต่างคู่ความกัน ทั้งคำพิพากษาคดีแรกได้มีการบังคับคดีไปแล้วการที่จำเลยยื่นคำร้องในคดีนี้เพื่อให้มีผลก้าวล่วงไปถึง คดีที่ได้มีการบังคับคดีไปแล้วนั้น ศาลฎีกาย่อมไม่อาจ วินิจฉัยให้ได้ ที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งโดยถือเอาคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีนี้ซึ่งเป็น ศาลสูงกว่า และสั่งว่าบ้านพร้อมที่ดินพิพาทในคดีนี้ เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแต่ผู้เดียว โดยโจทก์ไม่มีสิทธิ จะแบ่งทรัพย์สินเหล่านี้จากจำเลยตามคำพิพากษาในคดีซึ่งถึงที่สุด ในคดีแรกและบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีนี้ ต่อไปนั้น เมื่อคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ กรณีไม่ต้องมีการบังคับคดี ฎีกาของจำเลยมีผลเท่ากับ ขอให้ศาลฎีกาออกคำบังคับให้หรือให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้แก่จำเลย จึงไม่อาจดำเนินการให้ ในคดีนี้ได้ ทั้งไม่ใช่กรณีคำพิพากษาขัดกันอันต้องตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 146 ที่ศาลฎีกาจะมีคำสั่งตามคำขอของจำเลย ชอบที่จำเลยจะไปดำเนินคดีเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีต่างกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้เกี่ยวข้องที่ดิน
ประเด็นแห่งคดีก่อน ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเฉพาะที่ดินพิพาทของโจทก์ว่าอยู่ในที่ดินของจำเลยร่วม ส่วนประเด็นแห่งคดีหลังเป็นเรื่องที่ดินคนละแปลงกับคดีแรก และยังมีเรื่องละเมิดกับค่าเสียหาย จึงเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นกัน ไม่ใช่เรื่องในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันคดีหลังจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการงดการบังคับคดี: คดีมีวัตถุแห่งหนี้ต่างกัน ไม่อาจหักกลบลบหนี้ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินตามฟ้องและให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ และออกคำบังคับให้ตาม คำขอของโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ปฏิบัติตาม คำพิพากษาด้วย การออกไปจากที่ดินและใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ การที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง ขอให้โจทก์กับพวกขายที่ดินดังกล่าวแก่จำเลยตามข้อตกลงในสัญญาเช่านั้น หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็มีสิทธิเพียงบังคับให้โจทก์กับพวกขายที่ดินให้จำเลย คดีทั้งสองจึงมีวัตถุแห่งหนี้เป็นคนละอย่างต่าง กัน โดยสภาพไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๓
การออกคำสั่งอนุญาตตาม คำขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๓ หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้อง ทำการไต่สวนเสียก่อน แต่ ตาม มาตรา ๒๑(๔)ศาลก็มีอำนาจทำการไต่สวนตาม ที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ เมื่อกรณีตาม คำร้อง ของ จำเลย ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 607/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการงดการบังคับคดี: คดีต่างวัตถุประสงค์ ไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่ดินตามฟ้องและให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ และออกคำบังคับให้ตาม คำขอของโจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ปฏิบัติตาม คำพิพากษาด้วย การออกไปจากที่ดินและใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ การที่จำเลยยื่นฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง ขอให้โจทก์กับพวกขายที่ดินดังกล่าวแก่จำเลยตามข้อตกลงในสัญญาเช่านั้น หากจำเลยชนะคดีจำเลยก็มีสิทธิเพียงบังคับให้โจทก์กับพวกขายที่ดินให้จำเลย คดีทั้งสองจึงมีวัตถุแห่งหนี้เป็นคนละอย่างต่าง กัน โดยสภาพไม่อาจหักกลบลบหนี้กันได้ ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 การออกคำสั่งอนุญาตตาม คำขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293 หรือไม่ ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้อง ทำการไต่สวนเสียก่อน แต่ ตาม มาตรา 21(4)ศาลก็มีอำนาจทำการไต่สวนตาม ที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งได้ เมื่อกรณีตาม คำร้อง ของ จำเลย ไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะทำการไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมไม่บังคับจดทะเบียนเช่าเพราะที่ดินยังไม่ได้แบ่งแยก คดีใหม่ขอให้แบ่งแยกและจดทะเบียนเช่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวให้โจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าตึกแถวปลูกอยู่ในที่ดินส่วนใดเพราะยังไม่ได้แบ่งแยกเป็นส่วนสัดไม่อาจบังคับได้ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยไปจัดการแบ่งที่ดินออกเป็นส่วนสัดเฉพาะที่ปลูกตึกแถว และให้ไปจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ที่ 2 ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3019/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อนหรือไม่? ศาลฎีกาชี้ว่าคดีเดิมและคดีใหม่มีมูลเหตุต่างกัน การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสัญญาเช่าถือเป็นคนละเรื่องกับคดีขอแบ่งทรัพย์
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ขอแบ่งห้องพิพาทกึ่งหนึ่งอ้างว่า เป็นหุ้นส่วนกัน คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์มาฟ้องคดีนี้โดยกล่าวว่าห้องพิพาทเป็นทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 มีผู้จะเช่าตึกพิพาทโดยให้เงินล่วงหน้า 100,000 บาท ค่าเช่าเดือนละ 150 บาท จำเลยจะให้เช่าโดยไม่ยอมแบ่งเงินล่วงหน้าและค่าเช่าให้โจทก์ โจทก์เสนอขอรับส่วนแบ่งผู้เช่าจึงระงับการเช่าไปภายหลังจำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 2 เข้าอยู่ในห้องพิพาทเป็นเหตุให้เสื่อมประโยชน์ของโจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินล่วงหน้าในการเข้าอยู่ในห้องพิพาท 50,000 บาท กับผลประโยชน์ที่โจทก์ควรจะได้เดือนละ75 บาท ดังนี้ สภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับตามคำฟ้องในคดีหลังนี้ต่างกับคดีก่อน คดีก่อนโจทก์ขอแบ่งตึกพิพาทอ้างว่าเป็นหุ้นส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่โจทก์ควรจะได้ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่เอาตึกพิพาทไปให้จำเลยที่ 2 อยู่ ซึ่งเป็นมูลกรณีที่เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนและโจทก์ไม่อาจขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ ทั้งคดีหลังนี้ยังมีข้อหาและคำขอบังคับเอากับจำเลยที่ 2 อีกส่วนหนึ่งด้วย จึงไม่ใช่คำฟ้องเรื่องเดียวกันกับคดีก่อนไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่: คดีละเมิดทำเขื่อนกับคดีรั้วรุกล้ำเป็นคนละเรื่องกัน
คดีหมายเลขแดงที่ 212/2504 พิพาทกันเรื่องละเมิด ขอให้ทำเขื่อนกั้นที่ดิน คดีเสร็จเด็ดขาดกันไปแล้ว คดีนี้ โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทำรั้วเขตที่รุกล้ำเข้ามาในที่ของโจทก์ เป็นคนละเรื่องกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ