พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4964/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานหลักฐานในคดีฉ้อโกง: ศาลต้องฟังความทั้งสองฝ่าย
เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การของจำเลยทั้งสาม ไม่อาจฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติได้ว่า จำเลยทั้งสามกระทำการโดยสุจริตหรือคบคิดกันฉ้อโกงโจทก์หรือไม่ ศาลต้องฟังพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งสามก่อน การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบโจทก์และจำเลยทั้งสามจึงเป็นการมิชอบ
โจทก์กล่าวในคำฟ้องด้วยว่า จำเลยทั้งสามสมคบกันทำสัญญาซื้อขายเป็นการฉ้อฉลโจทก์ อันหมายถึงการกระทำโดยไม่สุจริตหรือฉ้อโกงโจทก์นั่นเอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 โอนขายทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นการกระทำโดยสุจริตหรือไม่ จึงมิได้เป็นการวินิจฉัยคดีนอกฟ้อง
โจทก์กล่าวในคำฟ้องด้วยว่า จำเลยทั้งสามสมคบกันทำสัญญาซื้อขายเป็นการฉ้อฉลโจทก์ อันหมายถึงการกระทำโดยไม่สุจริตหรือฉ้อโกงโจทก์นั่นเอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 โอนขายทรัพย์มรดกให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นการกระทำโดยสุจริตหรือไม่ จึงมิได้เป็นการวินิจฉัยคดีนอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกใช้เช็คโดยไม่สุจริต ผู้ทรงเช็คทราบว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ และคบคิดกับผู้สลักหลังเพื่อฟ้องเรียกเงิน
พฤติการณ์แห่งคดีที่ได้จากการนำสืบของโจทก์ที่ว่า น. ภริยาของ ป. ผู้ทรงเช็คเดิมพาจำเลยที่ 1 มาพบโจทก์เพื่อขอกู้เงินจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทสองฉบับแลกเงินสดไปจากโจทก์ ซึ่งขัดกับคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยที่ 1 มอบเช็คให้ผู้มีชื่อมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ อันเป็นข้อพิรุธให้เห็นว่าโจทก์ทราบแล้วว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ ซึ่ง ป. ต้องคืนแก่จำเลยทั้งสอง ประกอบกับคำเบิกความของโจทก์ตอบทนายจำเลยถามค้านที่ว่า โจทก์รู้จักสนิทสนมกับ น. มานาน น.เป็นผู้จัดหาและเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทุกคดีในศาลชั้นต้นที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ ดังนี้ฟังได้ว่า โจทก์สมคบกับ น. นำเช็คพิพาท 2 ฉบับ ซึ่งจำเลยที่ 1ออกให้ ป.เป็นประกันการชำระหนี้ และมูลหนี้ได้ระงับไปแล้วมาฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดโดยไม่สุจริต เป็นการคบคิดกันฉ้อฉล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989 โจทก์จึงไม่มีอำนาจนำเช็คพิพาท 2 ฉบับมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4986/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบเพื่อกระทำผิดฐานซ่องโจร ต้องมีการคบคิดหรือตกลงร่วมกัน การเจรจาซื้อขายกับเจ้าพนักงานล่อซื้อไม่ถือเป็นซ่องโจร
ความผิดฐานซ่องโจรตาม ป.อ. มาตรา 210 นั้น ผู้กระทำจะต้องสมคบกันเพื่อกระทำความผิด กล่าวคือ จะต้องมีการร่วมคบคิดหรือประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อกระทำความผิด หรือการแสดงออกซึ่งความตกลงจะทำความผิดร่วมกัน ซึ่งมีสภาพเป็นการกระทำระหว่างผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5เพียงแต่ร่วมกันเจรจากับเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปล่อ ซื้อเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตำรวจดังกล่าวเท่านั้นจึงเป็นลักษณะที่เป็นการกระทำต่อบุคคลภายนอก เมื่อข้อเท็จจริงในคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ได้มีการคบคิดกันว่าจะกระทำความผิดร่วมกันรับของโจรตามที่โจทก์ฟ้อง จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 กระทำความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่อง โจรและเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 4 ซึ่งมิได้ฎีกาขึ้นมาด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยรู้ว่ามีการสั่งห้ามจ่าย และนำไปใช้ระบุเท็จเพื่อฉ้อฉล ถือเป็นการคบคิดฉ้อฉล
จำเลยที่ 1 ออกเช็คให้ ม. เป็นการชำระหนี้ค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ซื้อจาก ม. ม. โอนเช็คให้จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ทราบว่าจำเลยที่ 1 สั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็คเพราะ ม. ผิดสัญญาซื้อขาย แต่เพื่อที่จะให้ได้เงินตามเช็ค จำเลยที่ 2 จึงโอนเช็คให้โจทก์โดยอ้างว่าเป็นการชำระราคาที่ดินที่ซื้อจากโจทก์ ซึ่งไม่เป็นความจริง ดังนี้การโอนเช็คระหว่างจำเลยที่ 2 กับโจทก์เป็นการโอนโดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3236/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และคบคิดกับผู้อื่น
จำเลยอยู่กับพวกตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนกระทั่งเวลาเกิดเหตุจำเลยก็นั่งไปในรถแล้วพวกในรถนั้นยิงปืนเข้าไปในร้านอาหารหลายนัด กระสุนปืนนัดหนึ่งถูกตู้เย็นห่างจากที่สิบตำรวจโท อ. นั่งอยู่ 10 เมตร แล้วหลบหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนรู้เห็นและคบคิดกับพวกมาก่อน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3236/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน - การมีส่วนรู้เห็นและคบคิดในการกระทำผิด
จำเลยร่วมอยู่กับพวกตั้งแต่ก่อน เกิดเหตุ จนกระทั่งเวลาเกิดเหตุจำเลยก็ นั่ง ไป ในรถแล้ว พวกในรถนั้นยิงปืนเข้าไปในร้านอาหาร หลายนัด กระสุนปืนนัดหนึ่งถูกตู้เย็นห่างจากที่สิบตำรวจโท อ. นั่งอยู่ 10 เมตร แล้วหลบหนีไปด้วยกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนรู้เห็นและคบคิดกับพวกมาก่อน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วยจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ดินหลังทำสัญญาจะซื้อขาย: คบคิดทำให้เสียเปรียบ
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินกับ ต. จำเลย ชำระราคาบางส่วนและเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่ ต. เอาที่ดินนั้นจดทะเบียนจำนองแก่ ช. จำเลย แม้โจทก์ไม่อยู่ในฐานะจดทะเบียนสิทธิได้ก่อน โจทก์ก็ขอเพิกถอนการจำนองที่ทำโดยคบคิดกันให้โจทก์เสียเปรียบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1414/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็คต่อผู้ทรงเช็คคนหลัง แม้ไม่มีความคบคิดกับผู้ทรงเช็คคนก่อน
เมื่อไม่ปรากฏว่า มีการคบคิดกันฉ้อฉลระหว่างผู้ทรงเช็คกับผู้ทรงเช็คคนก่อน ผู้สั่งจ่ายเช็คจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงตามเช็คที่ตนสั่งจ่าย ผู้สั่งจ่ายจะอ้างข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะตนกับผู้ทรงเช็คคนก่อนมาใช้อันต่อผู้ทรงเช็คคนหลังหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11298/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมปล้นทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาคบคิดแบ่งหน้าที่ชัดเจนบ่งชี้ถึงการเป็นตัวการร่วม
จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 2 และ ฉ. นั่งซ้อนท้าย เมื่อพบผู้เสียหายและ พ. ขับรถจักรยานยนต์แล่นสวนทางมา จำเลยที่ 1 เลี้ยวกลับรถจักรยานยนต์ขับไล่ติดตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพร้อมทั้งมีการตะโกนบอกให้ผู้เสียหายหยุดรถ เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมหยุดรถ ฉ. ใช้อาวุธปืนยิงถูกกระจกมองข้างรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายจนแตก แล้วจอดรถให้ ฉ. ลงจากรถไปใช้อาวุธปืนจี้เอาเงินสดและรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย โดยในระหว่างนั้น จำเลยที่ 1 ก็ยังคงจอดรถจักรยานยนต์รออยู่ในบริเวณใกล้เคียงในลักษณะที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ ฉ. ได้ทันที หากมีเหตุที่จะต้องให้ความช่วยเหลือ เมื่อ ฉ. ได้ทรัพย์ของผู้เสียหายและขับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายออกไปจากที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ก็ขับรถจักรยานยนต์พาจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้ายหลบหนีตาม ฉ. ไปด้วยกัน ย่อมแสดงให้เห็นว่ามีการคบคิดกันมาแต่แรกโดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 2 และ ฉ. ปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย