คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ครอบครองต่อเนื่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4542/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินหลังพ้นระยะห้ามโอน แม้การซื้อขายเดิมเป็นโมฆะ แต่การครอบครองต่อเนื่องแสดงเจตนาที่จะครอบครองเพื่อตน
บิดาจำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมาก่อนแล้ว ต่อมาทางราชการได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ เพียงแต่มีข้อกำหนดห้ามโอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ เท่านั้น แต่เมื่อครบกำหนดห้ามโอนแล้ว โจทก์ผู้รับโอนที่ดินจากบิดาจำเลยจะได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทหรือไม่ เพียงใด ต้องแล้วแต่ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ยึดถือที่ดินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนหรือไม่
โจทก์ซื้อและเข้าครอบครองที่ดินพิพาทนับตั้งแต่ซื้อที่ดินพิพาทจาก บ. ตลอดมา แม้ในระหว่างระยะเวลาห้ามโอนโจทก์จะยังไม่ได้สิทธิครอบครองเนื่องจากถูกจำกัดโดยบทบัญญัติมาตรา 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ยังครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจนล่วงเลยระยะเวลาห้ามโอนแล้วเป็นเวลานานถึง 10 ปีเศษ และเสียภาษีบำรุงท้องที่ในนามของโจทก์ ตลอดมาโดยไม่มีผู้อื่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวแย่งการครอบครอง การครอบครอง ที่ดินพิพาทของโจทก์ จึงเป็นการยึดถือที่ดินพิพาทโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน โจทก์ย่อมได้ซึ่งสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: สละสิทธิ - ครอบครองต่อเนื่องนานเกิน 10 ปี ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
โฉนดที่ดินพิพาทเนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 36 ตารางวา มีชื่อจำเลยและสามีถือกรรมสิทธิ์รวมกัน 4 ใน 6 ส่วน โจทก์ 1 ใน 6 ส่วน และ พ.1ใน 6 ส่วน เมื่อโจทก์อายุ 13 ปี ได้รื้อบ้านในที่ดินพิพาทถวายวัดแล้วย้ายไปอยู่กับตา ที่ดินพิพาทจึงเป็นที่ว่าง แล้วโจทก์ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทนานถึง45 ปี จึงมาฟ้องคดีนี้ ส่วนจำเลยเข้าปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทจนถึงวันฟ้องเป็นเวลาประมาณ 40 ปี โดยไม่เคยมีผู้ใดคัดค้านการครอบครองของจำเลย สภาพที่ดินพิพาทใช้เป็นที่อยู่อาศัยมีบ้านจำเลยและบุตรปลูกอยู่ 2 หลัง ไม่สามารถแบ่งแยกให้ผู้อื่นเข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอีกได้เพราะเหลือเนื้อที่เพียง 330 ตารางวาเนื่องจากที่ดินบางส่วนตามโฉนดพังลงคลอง พฤติการณ์ที่โจทก์ละทิ้งที่ดินพิพาทไปเป็นเวลานานหลายสิบปี เชื่อได้ว่าโจทก์สละสิทธิในที่ดินส่วนของตน และถือได้ว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ที่ดินส่วนของโจทก์นานเกินกว่าสิบปีจนได้กรรมสิทธิ์ตามป.พ.พ. มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5086/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการครอบครองต่อเนื่อง: การรวมระยะเวลาครอบครองจากเจ้าของเดิม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382กล่าวถึงเฉพาะด้านผู้ครอบครองว่าถ้าได้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ติดต่อกันนาน10ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ์การนับระยะเวลาการครอบครองที่พิพาทของจำเลยในระหว่างที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ ก. ติดต่อมาจนตกเป็นของโจทก์สามารถนับรวมกันได้เมื่อครบกำหนดดังกล่าวจำเลยจึงได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องพิสูจน์เจตนาเป็นเจ้าของต่อเนื่อง 10 ปี แม้ครอบครองนานก็ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์หากไม่ได้มาด้วยเจตนาที่ถูกต้อง
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทที่เป็นของโจทก์ด้านทิศตะวันตกซึ่งจำเลยอ้างว่าจำเลยได้ครอบครองปรปักษ์มีเฉพาะจากหลักหมุดที่ 1 มาถึงหลักหมุดที่ 4 ด้านทิศตะวันออกนั้น ศาลอุทธรณ์ไปรับฟังเอาจากรายงานกระบวนพิจารณาการเดินเผชิญสืบของศาลชั้นต้นลงวันที่ 24 สิงหาคม 2531 ซึ่งเป็นการรับฟังที่ผิดไปจากรายงานกระบวนพิจารณา เพราะรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวมิได้มีข้อความดังที่ศาลอุทธรณ์รับฟัง การรับฟังพยานของศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงไม่ชอบ ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แม้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท โจทก์ก็ฎีกาได้ และศาลฎีกามีอำนาจฟังข้อเท็จจริงในประเด็นว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หรือของจำเลย และประเด็นว่าโจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่เพียงใดอันเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องมาจากประเด็นแรกเสียใหม่โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีกเพราะคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ทั้งนี้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 243 ประกอบมาตรา 247
ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่มีโฉนดที่ดินมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าซึ่งออกก่อนที่บิดามารดาจำเลยจะเข้ามาอยู่ในที่ดินพิพาท จำเลยอ้างว่าจำเลยสืบสิทธิการครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทต่อมาจากบิดามารดาจำเลยจนได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยมีหน้าที่พิสูจน์ให้ได้ความแน่ชัดว่าบิดามารดาจำเลยและจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 ปี แต่พยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบมายังฟังไม่ได้ว่าบิดามารดาจำเลยเข้ายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยมิได้อาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินพิพาท แม้ครอบครองที่ดินพิพาทมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382และแม้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทต่อจากบิดามารดาจำเลยก็หาทำให้จำเลยมีสิทธิเหนือกว่าบิดามารดาจำเลยไม่ จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4738/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี หลังออกโฉนด
ส. บิดาจำเลยที่ 1 ได้ครอบครองที่พิพาทมาตั้งแต่ 60 ปีก่อนเกิดกรณีพิพาทคดีนี้ ประกอบกับโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่า ส.เข้าครอบครองที่พิพาทได้อย่างไร พฤติการณ์ที่ ส.และจำเลยทั้งสองครอบครองที่พิพาทสืบต่อกันมานานถึง60 ปี โดยไม่ปรากฏว่า ส.และจำเลยทั้งสองครอบครองที่พิพาทแทนผู้อื่น แสดงให้เห็นว่า ส.และจำเลยร่วมกันยึดถือที่พิพาทเพื่อตนมาก่อนมีการออกโฉนดที่ดินเลขที่5285 แม้ ส. และจำเลยที่ 2 มิได้ไต้แย้งคัดค้านการที่ อ.ขอออกโฉนดที่ดินเลขที่5285 ซึ่งรวมที่พิพาทไว้ด้วย และมิได้โต้แย้งคัดค้านการโอนมรดกที่ดินโฉนดดังกล่าวก็ตาม ก็ไม่ทำให้ลักษณะการยึดถือที่พิพาทของ ส.และจำเลยที่ 2 เปลี่ยนแปลงไปดังนั้น หลังจากการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 5285 แล้ว ส.และจำเลยที่ 2 ยังคงครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อ ส.ตาย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทของ ส.จึงเป็นผู้สืบสิทธิของ ส.แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 ครอบครองที่พิพาทตลอดมา กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทจึงตกเป็นของจำเลยทั้งสองโดยการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ไม่ได้จดทะเบียนการไถ่ถอน แต่มีเจตนาเป็นเจ้าของและครอบครองโดยสงบต่อเนื่องเกิน 10 ปี
แม้ ส. ได้ชำระเงินค่าไถ่ที่ดินพิพาทจากการขายฝากแล้วมิได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่การครอบครองที่ดินพิพาทของ ส.นับแต่บัดนั้นส.ย่อมมีเจตนายึดถือเพื่อตนเมื่อผู้ร้องได้รับการยกให้ที่ดินพิพาทจากส.โดยส.มอบการครอบครองให้ แล้วผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทมาจนส.ถึงแก่กรรมและหลังจากนั้นจนถึงวันที่ผู้ร้องมาร้องต่อศาลขอแสดงกรรมสิทธิ์ ก็ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้โต้แย้งการครอบครองของผู้ร้องแต่ประการใด ถือว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลากว่า 10 ปี ผู้ร้องย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90-97/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่อง และผลของการไม่ฟ้องเรียกคืนการครอบครอง
หลักฐานการเสียภาษีบำรุงท้องที่หาใช่หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่พิพาทไม่ ในชั้นชี้สองสถานเมื่อศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า การที่จำเลยไม่ฟ้องเรียกคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทใน 1 ปีจึงเสียสิทธิการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1375 วรรคสอง และโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านถือว่าโจทก์สละประเด็นดังกล่าว แม้ปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ประกอบมาตรา 246,247 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ในที่ดินส่วนบุคคล โดยการครอบครองอย่างสงบ เปิดเผย และต่อเนื่อง
ที่พิพาทเป็นถนนส่วนบุคคลและไหล่ถนนอยู่ในโฉนดของผู้คัดค้านบิดาผู้ร้องกับผู้ร้องครอบครองเป็นเจ้าของถนนสืบเนื่องกันมาอย่างสงบและเปิดเผยติดต่อกันมากว่า 10 ปีแล้ว ที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์พาณิชย์มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1876/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการบุกรุกที่ดิน: การครอบครองต่อเนื่องแม้มีข้อพิพาท ไม่ถือเป็นการบุกรุกใหม่
จำเลยฟ้องคดีแพ่งว่า ม.บุกรุกที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย แต่ม.แย่งการครอบครองไปแล้ว คงเป็นของจำเลย 15 ไร่ ระหว่างฎีกาจำเลยจ้างคนเข้าหยอดปอในที่ดินส่วนที่ศาลพิพากษาว่าเป็นของม. และพนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยข้อหาบุกรุก ศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าที่ดินที่กล่าวหายังพิพาทเป็นคดีแพ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฟังไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิโดยแน่แท้ ยังไม่มีมูลความผิดทางอาญาคดีถึงที่สุด ต่อมาเมื่อคดีแพ่งยุติลงว่าที่ดินเป็นของจำเลย 15 ไร่แล้ว จำเลยได้จ้างคนเข้าไถที่ดินที่เป็นส่วนของม.อีก ดังนี้ จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทตั้งแต่เข้าหยอดปอ ซึ่งศาลพิพากษายกฟ้องฐานบุกรุกไปแล้ว เป็นเรื่องที่จำเลยยังไม่ยอมสละการครอบครอง มิใช่เข้าไปไถที่พิพาทเป็นการแย่งการครอบครองใหม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441-1444/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสิทธิครอบครองที่ดินเมื่อเจ้าของเดิมไม่เกี่ยวข้องอีกต่อไป และการครอบครองของผู้อื่นเกิน 1 ปี
ตามฟ้องโจทก์อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นของกรมประชาสงเคราะห์ แม้จะฟังว่าในชั้นแรกโจทก์เป็นผู้ยึดถือที่พิพาทโดยเสียค่าตอบแทนให้ ท.แล้วปลูกห้องแถวขึ้นก็ตาม แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ ถ.ซื้อห้องแถวดังกล่าวได้แล้ว ได้ขายต่อให้กับบุคคลอื่น และมีการโอนต่อมาจนกระทั่งถึงจำเลยซึ่งได้เข้าครอบครองติดต่อกันมา โดยมิได้มีการรื้อถอนแต่อย่างใด เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว โจทก์มิได้เข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเลย แสดงว่าโจทก์มิได้ยึดถือที่พิพาทต่อไปแล้ว ทั้งโจทก์มิได้มอบให้ผู้ใดยึดถือที่พิพาทแทน การครอบครองของโจทก์ย่อมสุดสิ้นลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคแรก โจทก์มิใช่เจ้าของที่ดินและไม่มีสิทธิครอบครอง จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
of 3