พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2327/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยการใช้ทางต่อเนื่องเกินกว่าสิบปี และการกำหนดความกว้างของทาง
โจทก์ใช้เส้นทางพิพาทในที่ดินของจำเลยเป็นทางผ่านไปมาระหว่างบ้านของโจทก์และที่นาของโจทก์ในช่วงฤดูทำนาปีละ2ช่วงคือเพื่อไถหว่านข้าวและปลูกข้าวก่อนที่จำเลยจะปลูกข้าวในที่พิพาทช่วงหนึ่งและเพื่อเก็บเกี่ยวขนข้าวในนากลับบ้านหลังจากจำเลยเก็บเกี่ยวข้าวในนาของจำเลยแปลงที่พิพาทพาดผ่านเสร็จแล้วอีกช่วงหนึ่งและปฏิบัติเช่นนี้มาเกินกว่าสิบปีโดยลักษณะที่เป็นปรปักษ์ต่อสิทธิของจำเลยทางพิพาทในที่ดินของจำเลยจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7631/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิใช้ทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกล้อมรอบ แม้ที่ดินจำเลยไม่ติดกับที่ดินผู้ใช้ทาง ศาลกำหนดความกว้างทางจำเป็นตามความเหมาะสม
ที่ดินของโจทก์มีที่ดินของผู้อื่นล้อมรอบอยู่จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ แต่โจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะโดยออกตามทางด้านทิศตะวันตกของที่ดินของโจทก์ซึ่งกว้างประมาณ 8 เมตร ยาวประมาณ 300 เมตร แล้วผ่านทางพิพาทยาวประมาณ 100 เมตร และผ่านทางสาธารณประโยชน์ยาวประมาณ 100 เมตร สู่ถนนซอยอมรพันธุ์นิเวศน์ 4ทางพิพาทซึ่งเป็นที่ดินของจำเลย จึงเป็นทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ บทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349มีความหมายว่าเมื่อที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้แล้ว เจ้าของที่ดินแปลงนั้นย่อมมีสิทธิผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้โดยไม่จำกัดว่าจะมีสิทธิผ่านที่ดิน ที่ล้อมอยู่เฉพาะที่ดินแปลงที่อยู่ติดกับที่ดินแปลงนั้นเท่านั้น ดังนั้นเมื่อฟังได้เป็นที่ยุติแล้วว่าที่ดินของโจทก์มีที่ดินของผู้อื่นล้อมรอบอยู่จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้แต่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้โดยผ่านที่ดินของผู้อื่นก่อนแล้วผ่านที่ดินของจำเลยและที่ดินอื่น แม้ที่ดินของจำเลยมิได้อยู่ติดต่อกับที่ดินของโจทก์ โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งถูกล้อมอยู่ก็มีสิทธิใช้ทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยออกไปสู่ทางสาธารณะได้ ที่จำเลยฎีกาในส่วนของฟ้องแย้งว่าจำเลยได้รับความเสียหาย100,000 บาท ไม่ใช่ 10,000 บาท ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนั้นเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อฟ้องแย้งของจำเลยมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ทางจำเป็นต้องเลือกทำพอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่านโดยให้เสียหายแก่ที่ดินที่ล้อมอยู่น้อยที่สุด จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดทางจำเป็นในที่ดินของจำเลยให้มีความกว้างถึง 8 เมตร และควรกำหนดให้ทางจำเป็นมีความกว้าง3.50 เมตร ซึ่งพอสมควรที่จะใช้เป็นทางจำเป็นในสภาพที่เป็นถนนในรถยนต์รวมทั้งรถบรรทุกผ่านเข้าออกได้เท่านั้น