คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความประพฤติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสซ้อนและคุณสมบัติผู้จัดการมรดก ศาลพิจารณาจากฐานะ ความประพฤติ และการอยู่ร่วมกัน
ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างก็จดทะเบียนสมรสกับผู้ตายโดยผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกับผู้ตายเมื่อปี 2524 ภายหลังจากผู้ตายจดทะเบียนสมรสกับผู้คัดค้านเมื่อปี 2523 การสมรสระหว่างผู้ตายกับผู้ร้องจึงอยู่ภายใต้บังคับพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1496(ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น) ประกอบมาตรา 1452 คือ ในขณะที่ผู้ตายจดทะเบียนสมรสกับผู้ร้องนั้นผู้ตายยังเป็นคู่สมรสของผู้คัดค้านซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1452 และเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1495 แต่เมื่อยังไม่มีคำพิพากษาศาลแสดงว่าการสมรสของผู้ตายกับผู้ร้องเป็นโมฆะ ต้องถือว่าการสมรสระหว่างผู้ตายกับผู้ร้องยังมีอยู่ ผู้ร้องจึงเป็นทายาทโดยธรรมและมีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ผู้ร้องมีอาชีพเป็นหลักแหล่งมั่นคง และไม่มีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างใด ส่วนผู้คัดค้านมีอาชีพตั้งของขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามทางเท้าไม่เป็นกิจลักษณะทั้งยังเคยถูกจับในข้อหาลักลอบเล่นการพนัน ซึ่งมีผู้ถูกจับรวม 12 คนไม่ใช่เล่นเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในระหว่างเพื่อน ๆ และยังเคยไปยืมเงินจำนวน 18,000 บาท จากผู้อื่นและไม่ชำระตามกำหนดย่อมแสดงว่าผู้คัดค้านมีปัญหาทางการเงิน การตั้งผู้จัดการมรดกโดยไม่มีข้อกำหนดตามพินัยกรรม จะต้องคำนึงถึงหน้าที่ในการจัดการมรดกและความประพฤติของผู้จัดการมรดกด้วยเพราะผู้จัดการมรดกมีหน้าที่รวบรวมและแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาท เมื่อเปรียบเทียบฐานะหน้าที่การงานและความประพฤติของผู้ร้องและผู้คัดค้านแล้วผู้ร้องมีความเหมาะสมเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายมากกว่า จึงควรแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเพิกถอนคำสั่งให้พ้นจากสมาชิกสภาเทศบาล และการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง กรณีความประพฤติเสื่อมเสีย
ระหว่างที่โจทก์ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล โจทก์ถูกจับกุมฐานลักลอบเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลได้มีคำพิพากษาว่า โจทก์มีความผิดตาม พ.ร.บ. การพนันฯ ลงโทษปรับ 400 บาท จำเลยที่ 1 เห็นว่าโจทก์มีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ ของ ตำแหน่ง หรือเสื่อมเสียแก่เทศบาลหรือราชการ จึงมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากสมาชิกภาพแห่งสภาเทศบาลตาม พ.ร.บ. การพนันฯลงโทษปรับ 400 บาท จำเลยที่ 1 เห็นว่าโจทก์มีความ ผิดตามที่กฎหมายกำหนด คำสั่งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นคำสั่งที่ชอบ ด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3803/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำใส่ร้ายถึงความประพฤติของลูกสะใภ้ ถ้อยคำนั้นกระทบต่อโจทก์ร่วมที่เป็นแม่สามี
โจทก์ร่วมเป็นลูกสะใภ้คนเดียวของ อ. จำเลยและ อ. ทะเลาะโต้เถียงกัน จำเลยด้า อ. ว่า "แม่ผัวเฮงซวย มึงรู้หรือเปล่าว่าลูกสะใภ้มึงซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ผู้ชายขึ้นโรงแรม ลูกสะใภ้มึงสวมเขาให้ลูกชายมึง" ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจึงเป็นถ้อยคำที่หมิ่นประมาทโจทก์ร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2553/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาทำก่อนสมรสที่มีลักษณะเป็นทัณฑ์บนความประพฤติภรรยา มีผลผูกพันหลังจดทะเบียนสมรสได้
ก่อนจดทะเบียนสมรสโจทก์จำเลยทำสัญญากันว่า "ฝ่ายภรรยาจะไม่ประพฤติตัวให้ผิดจารีตประเพณีและให้อยู่กินปรนนิบัติในฐานะให้เป็นสามีภรรยาอยู่กินร่วมกันตลอดไปและจะไม่ประพฤติปฏิบัตินอกใจสามีอีกต่อไป เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้กระทำผิดพลาดเงื่อนไขดังกล่าวยินยอมให้ปรับเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท" สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาอย่างหนึ่งมีลักษณะเป็นทัณฑ์บนในเรื่องความประพฤติของภรรยาดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1516(8) ซึ่งเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าภรรยาได้ หากผิดทัณฑ์บนที่ทำกันเป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ และไม่เป็นการฝ่าฝืนศีลธรรมอันดีหรือจำกัดสิทธิเสรีภาพในส่วนบุคคล ไม่มีวัตถุประสงค์เป็นที่ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายใด ๆ อีกทั้งมิได้เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ต่อมาโจทก์และจำเลยได้จดทะเบียนสมรสก็ได้ยอมรับสัญญาฉบับนี้ให้มีผลผูกพันบังคับระหว่างกันได้สัญญาฉบับนี้จึงมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2040/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: การแยกอยู่และทัณฑ์บนที่ไม่เกี่ยวกับความประพฤติ
สามีภริยาอยู่กินกันที่ร้านของภริยา สามีกลับไปอยู่บ้านของสามีไม่ไปอยู่ร่วมกับภริยาดังเดิม ภริยาไม่เป็นปฏิปักษ์อย่างร้ายแรง ส่วนภริยาทำทัณฑ์บนว่าจะอยู่ร่วมบ้านกับสามีนั้น ไม่ใช่ทัณฑ์บนในเรื่องความประพฤติจึงไม่เป็นเหตุหย่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษเด็กและเยาวชนโดยคำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ และสิ่งแวดล้อม
เมื่อพิจารณาถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ปรากฏว่าจำเลยมีอายุ 18 ปีเศษ กระทำผิดระหว่างมอบตัวแก่มารดาโดยมีเงื่อนไขมิให้ก่อเหตุร้ายตามสำนวนคดีอาญาที่ศาลพิพากษาไปแล้ว และมีบุคคลิกภาพในทางรุกรานชอบพกอาวุธและคบเพื่อนที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม สมควรส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมในสถานฝึกอบรมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1072/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความจริงในคดีหมิ่นประมาทที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับความประพฤติของพระสงฆ์
โจทก์เป็นเจ้าคณะอำเภอ ฟ้องหาว่าจำเลยกล่าวคำหมิ่นประมาทใส่ความว่าโจทก์เข้าหานางชีที่ห้องวิปัสสนา เป็นเหตุให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังนั้น จำเลยขอพิสูจน์ความจริงได้ เพราะการพิสูจน์ความจริงของจำเลยย่อมเป็นประโยชน์แก่ประชาชน เนื่องจากประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ผู้เป็นศาสนิกชนย่อมหวงแหนที่จะมิให้ผู้ใดมาทำลายหรือทำความมัวหมองให้แก่พุทธศาสนาที่ตนนับถือ ยิ่งเมื่อจำเลยมาพิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์ต่อศาลได้ ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้คนทั่วไปที่จะได้ไม่มัวหลงเคารพเลิ่อมใสโจทก์ต่อไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์กล่าวหาความประพฤติเพื่อนร่วมงานโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนเอง ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ข้าราชการร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาว่าเพื่อนข้าราชการด้วยกันด่าว่าและได้กล่าวถึงความประพฤติเสียหายของเพื่อนข้าราชการผู้นั้นประกอบคำร้องทุกข์ไปด้วย ข้าราชการผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้คัดค้านความเท็จจริงแห่งคำร้องทุกข์นั้นไว้ในชั้นดำเนินคดีแต่ประการใด คำร้องทุกข์นั้นจึงถือได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตในการแสดงความชอบธรรมของตนหรือในการที่จะต้องต่อสู้หรือป้องกันตนหรือในการป้องกันประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1570/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์กล่าวหาความประพฤติเพื่อนร่วมงาน ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท หากเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนเอง
ข้าราชการร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาว่าเพื่อนข้าราชการด้วยกันด่าว่าและได้กล่าวถึงความประพฤติเสียหายของเพื่อนข้าราชการผู้นั้นประกอบคำร้องทุกข์ไปด้วย ข้าราชการผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้คัดค้านความเท็จจริงแห่งคำร้องทุกข์นั้นไว้ในชั้นดำเนินคดีแต่ประการใด คำร้องทุกข์นั้นจึงถือได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตในการแสดงความชอบธรรมของตนหรือในการที่จะต้องต่อสู้หรือป้องกันตนหรือในการป้องกันประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท