คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดจริง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4974/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ลงโทษจำเลยได้ต่อเมื่อมีพยานหลักฐานประกอบยืนยันความผิดจริง มิใช่เพียงคำเบิกความของผู้เกี่ยวข้อง
การรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนซึ่งจำเลยปฏิเสธชั้นศาลมาใช้ลงโทษจำเลยโจทก์ต้องมีพยานประกอบว่าจำเลย กระทำผิดจริงและพยานประกอบนั้นมิใช่มีเพียงคำเบิกความของพนักงานสอบสวนผู้สอบสวนคำรับสารภาพเท่านั้น คดีนี้พยานประกอบของโจทก์คือ ด. ซึ่งอาจตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับจำเลย ด. อาจซัดทอดจำเลยเพื่อให้ตนพ้นจากการตกเป็นผู้ต้องหาก็ได้ คำเบิกความของ ด. จึงมีน้ำหนักน้อยพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอที่จะลงโทษจำเลยตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4848/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา แม้จำเลยรับสารภาพ ศาลต้องพิสูจน์ความผิดจริงเพื่อความถูกต้อง
การที่กฎหมายบัญญัติให้โจทก์ยังต้องมีภาระการพิสูจน์ สำหรับความผิดที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพแล้วก็ตามก็ด้วยเจตนารมณ์เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่าจำเลยคือบุคคลผู้ได้กระทำความผิดตามข้อหาที่ตน ได้ให้การรับสารภาพจริง ไม่มีการผิดตัว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความถูกต้องและเป็นการป้องกันความผิดพลาดหรือผิดหลงอย่างอื่นอันอาจเกิดขึ้นได้ และเพราะข้อหาตามที่จำเลยรับสารภาพนั้นมีอัตราโทษสูงดังกล่าว กฎหมายจึงต้องวางมาตรการเพื่อให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ประกอบก่อนที่จะพิพากษาลงโทษจำเลย เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้มั่นคงแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะหยิบยกข้อบกพร่องที่ไม่อาจทำลายน้ำหนักพยานหลักฐานอื่นของโจทก์มาอ้างเพื่อปฏิเสธการรับฟังพยานโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการกระทำความผิดในคำฟ้องไม่เป็นสาระสำคัญ หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษได้ตามความผิดจริง
คำบรรยายฟ้องในเรื่องจำเลยปล้นทรัพย์ผู้เสียหายคนหนึ่งก่อนหรือหลังผู้เสียหายอีกคนหนึ่งในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายในคืนเดียวกันหลายรายด้วยกัน ย่อมไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้องเป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น และเมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้หากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามสารสำคัญของคำฟ้องแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยร่วมกันปล้นทรัพย์ ด.แล้วจึงไปปล้นทรัพย์ของ ม.ทีหลัง แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยปล้นทรัพย์ ม.ก่อนแล้วจึงไปปล้น ด. ซึ่งทำให้ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องบ้างก็ตาม ก็หาใช่สารสำคัญไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยตามกฎหมายจราจร แม้โจทก์อ้างมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามความผิดจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2481 (ฉบับที่ 3) มาตรา 8 แต่พ.ร.บ.ฉบับนี้มีเพียง5 มาตรา และมาตรา 4 เท่านั้นเป็นบทลงโทษ ฉะนั้น จึงเป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์คงจะขอให้ลงโทษตามมาตรา 4 แต่โจทก์อ้างผิดไป ตามมาตรา 192 วรรคสี่ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษได้