พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาชิงทรัพย์: การกระทำด้วยอารมณ์โกรธแค้น ไม่เข้าข่ายความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นการข่มขืนใจ
จำเลยกับผู้เสียหายเป็นนักศึกษาต่างสถาบัน นักศึกษาของสถาบันทั้งสองเคยมีเรื่องวิวาทชกต่อยกันเป็นประจำ จำเลยเคยถูกนักศึกษาสถาบันเดียวกับผู้เสียหายทำร้ายด้วยมีดได้รับบาดเจ็บ และเคยถูกถีบตกลงจากรถยนต์โดยสาร การที่จำเลยกระชากคอเสื้อและพูดขู่ผู้เสียหายให้ถอดเข็มขัดของผู้เสียหายให้จำเลยเมื่อพบกันในศูนย์การค้าโดยเข็มขัดดังกล่าวมีหัวเข็มขัดที่นักศึกษาสถาบันการศึกษาของผู้เสียหายใช้เท่านั้น และมีราคาเพียง 30 บาท ซึ่งจำเลยไม่สามารถนำไปใช้หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินได้ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปด้วยอารมณ์โกรธแค้น มิได้ประสงค์ต่อผลในการแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวโดยแท้จริงจึงเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาลักทรัพย์ผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ แต่การที่จำเลยขู่เข็ญให้ผู้เสียหายส่งเข็มขัดให้แก่จำเลย เป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้กระทำตามที่จำเลยประสงค์ โดยทำให้กลัวว่าจะทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่อเสรีภาพตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยข้อหาชิงทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดินอันไม่อาจยอมความได้ การที่ผู้เสียหายเบิกความและยื่นคำร้องแต่ฝ่ายเดียวว่า การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาที่จะชิงทรัพย์ เพราะเป็นการเข้าใจผิดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และจำเลยเป็นนักศึกษาอยู่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลย ถือได้แต่เพียงว่าเป็นคำแถลงที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยและขอให้ศาลปรานีจำเลยเพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลยยอมความกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดฐานชิงทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์ และผลของการไม่บรรยายองค์ประกอบความผิดในฟ้อง
ต.กระชากกระเป๋าถือของผู้เสียหายที่คล้องไว้ที่ไหล่ขณะเกินอยู่บนทางเท้า เมื่อผู้เสียหายกับพวกร้องขอความช่วยเหลือและวิ่งไล่ตาม ต . วิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามและโยนกระเป๋าทิ้งกลางถนน แล้วขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่หลบหนีไป ดังนี้ ต.มิได้ใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายที่จะเป็นองค์ประกอบให้เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ รูปเรื่องเป็นเรื่อง ต.ใช้กิริยาฉกฉวยเอากระเป๋าบรรจุทรัพย์ของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ หากแต่โจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบผิดฐานนี้มา และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ คงลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์เท่านั้น