คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดต่อชีวิต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5993/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อชีวิต: พยายามกระทำความผิด
++ เรื่อง ความผิดต่อชีวิต พยายาม ++
++ โจทก์ฎีกา ++
++ ศาลฎีกาพิพากษา ...
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - งดย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น ๔, ๕ ++

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6516/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์ในทะเลหลวงและการลงโทษความผิดต่อชีวิตนอกอาณาเขตไทย
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นเกิดขึ้นในทะเลหลวงนอกราชอาณาจักรศาลไทยจะลงโทษผู้กระทำผิดที่เป็นคนไทยในข้อหาความผิดต่อชีวิตตามมาตรา8(4)ได้ต่อเมื่อผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา8(ก)เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหายเป็นใครและไม่ปรากฏว่าจะมีผู้ใดซึ่งสามารถจัดการแทนผู้ตายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา5(2)ดำเนินการร้องขอให้ศาลไทยลงโทษจึงลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องข้อหาปล้นทรัพย์ไว้แยกต่างหากจากข้อหาฆ่าและพยายามฆ่าโดยไม่ได้บรรยายว่าในการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วยถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายคงลงโทษจำเลยได้เพียงฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดการที่ศาลอุทธรณ์ภาค3ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา340วรรคท้ายจึงเป็นการเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192 หลังจากที่จำเลยกับพวกปล้นทรัพย์ได้แล้วถอยเรือไปอยู่ห่างจากเรือของผู้เสียหายกับพวกประมาณ20เมตรเพื่อรอดูการที่เรือประมงของพวกจำเลยอีก2ลำเข้ามาปฏิบัติการเทียบกับเรือผู้เสียหายเมื่อเรือประมงดังกล่าวปฏิบัติการเสร็จแล้วโดยนำหญิงในเรือของผู้เสียหายขึ้นไปบนเรือแล้วแล่นออกไปจำเลยกับพวกได้ขับเรือประมงพุ่งเข้าชนเรือผู้เสียหายจนมีพวกของผู้เสียหายตกทะเลหายไปประมาณ20คนดังนี้การกระทำดังกล่าวยังอยู่ในช่วงแห่งการปล้นทรัพย์เพราะเป็นเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องจากการได้ทรัพย์และพาเอาทรัพย์ที่ปล้นได้ไปจำเลยกับพวกต้องการให้ผู้เสียหายกับพวกถึงแก่ความตายก็เพื่อปกปิดการที่ตนกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์การพยายามฆ่าผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวกับการปล้นทรัพย์ซึ่งต้องลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90 ปัญหาว่าศาลไทยลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดต่อชีวิตที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรได้หรือไม่ศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษาลงโทษเกินคำขอหรือไม่การกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าผู้เสียหายเป็นกรรมเดียวกันหรือไม่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195,225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: คดีความผิดต่อชีวิตภายหลังประกาศคณะปฏิวัติ อยู่ในอำนาจศาลทหาร แม้ฟ้องต่อศาลพลเรือน
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาฆ่าผู้อื่นต่อศาลพลเรือน แต่ขณะยื่นฟ้องนั้นปรากฏแต่แรกว่าขณะเกิดเหตุข้อหาความผิดต่อชีวิต คดีนี้อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาดังนี้ ศาลพลเรือนย่อมไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: คดีความผิดต่อชีวิตที่เกิดหลังประกาศคณะปฏิวัติ (พ.ศ.2514) อยู่ในอำนาจศาลทหารตั้งแต่แรกฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาฆ่าผู้อื่นต่อศาลพลเรือนแต่ขณะยื่นฟ้องนั้นปรากฏแต่แรกว่าขณะเกิดเหตุข้อหาความผิดต่อชีวิตคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษา ดังนี้ศาลพลเรือนย่อมไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำขอคืนทรัพย์สินในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับความผิดต่อชีวิตและชิงทรัพย์
คดีความผิดต่อชีวิต แม้ในคำขอให้ลงโทษท้ายฟ้องโจทก์เพียง แต่อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 มาเท่านั้นก็ดีแต่ในคำฟ้องได้บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำของจำเลย มาแล้วว่าจำเลยยิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่า เพื่อความสะดวกในการที่จำเลยจะลักทรัพย์และเมื่อยิงแล้วจำเลยได้ลักเอาเงิน 2,400 บาทของผู้ตายไปโดยเจตนาทุจริต และยังมีคำขอท้ายฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินที่ลักไปด้วย ดังนี้ ย่อมแปลคำฟ้องของโจทก์ได้ว่า โจทก์มุ่งประสงค์ที่จะให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์อยู่ด้วย จึงเป็นคดีความผิดต่อชีวิตและคดีชิงทรัพย์ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 บัญญัติให้พนักงานอัยการมีคำขอให้เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้ ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายได้